>

โบท็อกซ์ (Botox) คืออะไร? มีข้อดีอย่างไร อันตรายไหม ฉีดตรงไหนได้บ้าง

โบท็อกซ์ (Botox) คืออะไร? มีข้อดีอย่างไร อันตรายไหม ฉีดตรงไหนได้บ้าง

โบท็อกซ์ (Botox)

การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) ถือเป็นหนึ่งในหัตถการปรับรูปหน้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถให้ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ช่วยให้กรอบหน้าดูเล็กลง และลดริ้วรอยได้ดีโดยไม่ต้องผ่าตัดแต่อย่างใด ที่สำคัญคือ เป็นหัตถการที่มีราคาเข้าถึงง่าย แต่ในอีกมุมหนึ่ง หลายคนอาจยังมีความกลัวในการฉีดโบท็อกซ์ เพราะกังวลว่าอาจจะเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย หรือทำให้ใบหน้าเสียโฉมที่มักถูกพูดถึงบ่อยๆ เช่น ยิ้มไม่สุด หน้าตึงจนแสดงสีหน้าไม่ได้ ผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อ ฯลฯ

เพื่อคลายความกังวลเหล่านี้ Anna Clinic จะพามาทำความรู้จักการทำงานของโบท็อกซ์ รวมถึงผลข้างเคียงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เลือกฉีดโบท็อกซ์ได้แบบไร้กังวล ดูดีได้อย่างปลอดภัยแน่นอน

หัวข้อทั้งหมด show

โบท็อกซ์ คืออะไร ?

โบท็อกซ์ คือ สารสกัดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ที่มีฤทธิ์ในการรบกวนการทำงานของเซลล์ประสาท ทำให้ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ กล้ามเนื้อที่ไม่ได้ถูกสั่งให้ขยับหรือใช้งานจึงเกิดการคลายตัวในที่สุด โดยมีชื่อทางการค้าเป็น “Botulinum Toxin Type A

โบท็อกซ์จึงได้ถูกนำมาใช้งานในการลดริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้าที่เกิดจากการเคลื่อนไหว หรือ แสดงอารมณ์สีหน้า บริเวณระหว่างคิ้ว หน้าผาก หางตา รอยตีนกา รอบปาก รวมไปถึงช่วยกระชับรูขุมขนและยกกระชับใบหน้าอีกด้วย ส่วนการฉีดโบท็อกหน้าเรียว หรือโบท็อกลดกราม เป็นการฉีดตัวยาเข้าสู่บริเวณกล้ามเนื้อกราม (Masseter Muscle) ปรับรูปหน้าที่เหลี่ยมให้เรียวขึ้น ช่วยให้กรอบหน้าชัดเจน ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนเยาว์ขึ้น

โบท็อกซ์ ฉีดตรงไหนได้บ้าง ?

โบท็อกซ์นั้นสามารถฉีดได้ในหลายจุด ไม่ใช่เฉพาะบริเวณใบหน้าเท่านั้น ซึ่งจุดที่ฉีดโบท็อกจะส่งผลโดยตรงต่อผลลัพธ์ ดังนั้น เราจึงควรคำนึงไว้เสมอว่าฉีดโบท็อกจุดไหน แก้ไขปัญหาอะไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่น

  • โบท็อกซ์ริ้วรอย – เป็นการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยในบริเวณต่างๆ บนใบหน้า ให้ดูตื้นและเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
  • โบท็อกลดกรามหน้าเรียว – จุดที่หลายคนนิยมฉีดโบท็อก เพราะการฉีดโบท็อกบริเวณนี้ จะช่วยลดกราม ทำให้กล้ามเนื้อกรามมีขนาดเล็กลง ลดปัญหากรามใหญ่ ส่งผลให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น เรียวขึ้น
  • โบท็อกหน้าผากและหว่างคิ้ว – ลดรอยและร่องลึกบนหน้าผากที่เกิดจากการยักคิ้วหรือขมวดคิ้วบ่อยๆ โบท็อกช่วยทำให้หน้าผากกลับมาเรียบตึงได้นั่นเอง
  • โบท็อกหางคิ้วและรอบดวงตา – ลดรอยตีนกาและช่วยปรับหางคิ้วที่ไม่เท่ากันให้สมดุลได้
  • โบท็อกโหนกแก้ม – ช่วยลดขนาดโหนกแก้มที่นูนจากกล้ามเนื้อที่ทำให้ใบหน้าไม่สมส่วน ดูดุ ดูแข็ง กลายเป็นใบหน้าที่ดูอ่อนหวานขึ้น ดูมีมิติและสมส่วนมากขึ้น
  • โบท็อกปีกจมูก – โบท็อกสามารถช่วยแก้ปัญหาปีกจมูกที่ดูใหญ่ ช่วยลดปีกจมูกให้เล็กลง และได้รูปทรงสวยมากขึ้น
  • โบท็อกลิฟกรอบหน้า – การฉีดโบท็อกสามารถช่วยลิฟต์กรอบหน้าให้ยกกระชับ ใบหน้าได้รูปมากขึ้น อีกทั้งช่วยให้ใบหน้าดูเรียวด้วย
  • นอกจากจุดฉีดโบท็อกด้านบนที่ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ แล้ว โบท็อกยังสามารถช่วยในเรื่องของการลดอาการไมเกรน โบท็อกลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน ไปจนถึงช่วยลดเหงื่อใต้วงแขน ฝ่ามือ และฝ่าเท้าได้ด้วย

โบท็อก ช่วยอะไรได้บ้าง ?

การที่โบท็อก (Botox) เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยม เนื่องจากการฉีดโบท็อกนั้นมีประโยชน์มากมายในการเสริมความงามและปรับรูปหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด มีความสะดวก โดยการฉีดโบท็อกนั้นสามารถช่วยแก้ปัญหาบนใบหน้าได้หลายอย่าง ดังนี้

  • ช่วยในการลดเลือนรอยย่น และริ้วรอยบนใบหน้า เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยหว่างคิ้ว ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ฯลฯ
  • ช่วยในการปรับรูปหน้า ให้หน้าเล็กและเรียวขึ้น ช่วยลดกรามหรือหน้าเหลี่ยมได้
  • ช่วยให้ใบหน้ากระชับและกรอบหน้าชัดขึ้น
  • ช่วยในการลดหรือกระชับรูขุมขน สามารถช่วยเรื่องการลดเหงื่อบริเวณผิวหนังได้
  • ช่วยในการลดขนาดต้นแขน และน่องได้ ทำให้เรียวเล็กลง
  • ช่วยในการรักษาอาการปวดได้ เช่น อาการปวดหลัง ปวดไมเกรน ซึ่งต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ก่อน

ฉีดโบท็อก อันตรายไหม ?

หลายคนมีความกังวลถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดโบท็อก เนื่องจากได้ยินสิ่งที่มักถูกบอกต่อๆ กันมา หรือข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องขอบอกเอาไว้ว่า จากสถิติการรักษาผู้ป่วยด้วยโบท็อกในต่างประเทศ พบว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิตและเกิดผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อย เมื่อใช้ฉีดอย่างถูกวิธีในปริมาณที่เหมาะสมกับปัญหา และอยู่ในความดูแลของแพทย์ ดังนั้น การฉีดโบลดกราม หน้าเรียว หรือลดริ้วรอยต่างๆ ควรทำโดยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีใบอนุญาต ดำเนินการผ่านคลินิกที่สะอาดได้มาตรฐานและขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง

ที่สำคัญคือ ควรหลีกเลี่ยง “หมอกระเป๋า” อย่างเด็ดขาด เพราะมีความเสี่ยงที่เราอาจเจอกับโบท็อกปลอมที่ไม่ผ่านอย. รวมไปถึงเทคนิคการฉีดแบบผิดๆ ที่ส่งผลอันตราย รวมถึงควรเช็กความพร้อมของสภาพร่างกายของตนเอง ปฏิบัติตามขั้นตอนที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด เท่านี้การฉีดโบท็อกก็จะไม่อันตรายหรือน่ากลัวอีกต่อไป

ผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกซ์

การฉีดโบท็อกซ์ มีอาการหรือผลข้างเคียงหลังทำไหม ?

การฉีดโบท็อกโดยเลือกใช้โบท็อกซ์แท้ผ่านอย. จะไม่ทิ้งสารตกค้างให้แก่ร่างกาย อย่างไรก็ตาม ยังคงมีผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังฉีด เช่น รู้สึกตึงๆ บริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการปกติที่ไม่อันตรายใดๆ ทั้งนี้ เมื่อฉีดโบอาจมีผลข้างเคียงอื่นๆ ที่มีโอกาสเกิดได้แต่ไม่อันตรายถึงชีวิต คือ

1.รอยจ้ำแดงหรือเขียวช้ำบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์

เกิดจากการใช้เข็มของแพทย์ในการฉีดโบท็อก ซึ่งเป็นอาการปกติที่พบได้ทั่วไป

2.อาการบวมและรู้สึกเจ็บจุดที่ฉีดโบท็อกซ์

มีสาเหตุจากการติดเชื้อ เนื่องจากโบท็อกที่ไม่ได้มาตรฐานมีการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสมจนมีการปนเปื้อน

3.หนังตาตก มุมปากตกชั่วคราว หรือยิ้มเบี้ยว

ส่วนใหญ่มักเกิดจากฉีดโบท็อกผิดตำแหน่ง ซึ่งอาจเป็นเพราะแพทย์ขาดประสบการณ์ หรือตัวยากระจายไปยังกล้ามเนื้อที่ไม่ต้องการ เนื่องจากพฤติกรรมการดูแลตัวเองไม่เหมาะสมหลังฉีด

4.บริเวณที่ฉีด Botox อาจเกิดผิวหนังยุบตัว

เป็นผลข้างเคียงที่พบได้ไม่บ่อยนัก ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากกล้ามเนื้อที่ฝ่อตัวลงชั่วคราว แต่สามารถหายเองได้ เมื่อฤทธิ์ของโบท็อกค่อยๆ ลดลงไป

แม้ผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะฟังดูน่ากลัว แต่ก็ไม่เป็นอันตรายใดๆ ต่อชีวิตและรักษาให้หายได้ หากปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ปฏิบัติตามแพทย์แนะนำ และดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี

ฉีดโบท็อกปลอม มีผลเสียอย่างไร ?

ในบางครั้งการฉีดโบท็อก อาจมีข้อเสียมากกว่าข้อดี เนื่องอาจมีการฉีดโบท็อกปลอด ที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้บางคนอาจมีอาการแพ้โบท็อก ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้หลังฉีด แม้เป็นอาการที่พบได้น้อย แต่ก็ควรทราบถึงวิธีสังเกตอาการนี้ เพื่อให้รู้ตัวทันและเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที โดยอาการแพ้โบท็อก ได้แก่ มีผื่นคันขึ้นบนผิวหนังบริเวณที่ฉีดโบท็อก บางคนอาจรู้สึกอ่อนเพลีย มีไข้ต่ำๆ คลื่นไส้ อาเจียน หรือหายใจติดขัด

สาเหตุของอาการเหล่านี้มาจากปฏิกิริยาของร่างกาย ที่สร้างภูมิต้านทานมาต่อต้านสารแปลกปลอมเข้าไป ซึ่งร่างกายของแต่ละคนก็อาจตอบสนองมากน้อยแตกต่างกันไป จึงขอแนะนำว่า หากมีอาการผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด

นอกจากนี้ ในกรณีของคนไข้บางรายที่ฉีดโบท็อกบ่อยเกินไปและฉีดในปริมาณมากๆ อาจกระตุ้นให้ร่างกายต่อต้านโบท็อก จนแสดงอาการแพ้ออกมา รวมถึงเพิ่มโอกาสทำให้ดื้อโบท็อกอีกด้วย ส่งผลให้การฉีดโบท็อกไม่ได้ผลในที่สุด

ก่อนฉีดโบท็อกซ์ ควรเตรียมตัวอย่างไร

ก่อนฉีดโบท็อกซ์ควรเตรียมตัวให้พร้อม อีกทั้งเข้ามาพบกับแพทย์ก่อน เพื่อทำการตรวจผิวหนัง และปรึกษาเกี่ยวกับบริเวณที่จะฉีด เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกายและให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ซึ่งมีหลายๆ จุดที่เราควรใส่ใจ ดังนี้

  • เลือกใช้โบท็อกของแท้ มีการรับรองจากอย. ไทย และสามารถตรวจสอบได้
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนฉีดโบท็อกอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • หยุดการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS ได้แก่ Ibuprofen และ Naproxen
  • งดทานวิตามินที่มีฤทธิ์ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา สารสกัดจากโสม หรือใบแปะก๊วย เป็นต้น
  • แจ้งแพทย์ผู้ดูแลให้ทราบถึงโรคประจำตัวหรืออาการแพ้ยาก่อนเข้ารับหัตถการ
  • ควรเลือกฉีดโบท็อกกับแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ และคลินิกโบท็อกที่น่าเชื่อถือ

ข้อปฏิบัติและข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกซ์

หลังฉีดโบท็อกซ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว การดูแลตัวเองก็เป็นเรื่องสำคัญเพราะหากละเลย ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาทีหลังได้ ในทางกลับกันถ้าดูแลตัวเองได้ดี โบท็อกก็จะสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีข้อแนะนำ เช่น

  • งดการนอนราบ 3 – 4 ชั่วโมงหลังฉีด
  • งดการกด นวด หรือถูบริเวณที่ฉีด เพราะอาจส่งผลต่อการกระจายตัวของโบท็อกไปยังส่วนที่ไม่ต้องการ
  • งดการแต่งหน้าหลังฉีดโบท็อกซ์ภายในวันที่ฉีด แต่สามารถแต่งหน้าได้ในวันถัดไป
  • หลีกเลี่ยงแดดจัดในช่วงแรก และทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมในที่ร้อน อาทิ การแช่น้ำอุ่น ซาวน่า การอบไอน้ำ หรือเลเซอร์หลังฉีด 2 – 4 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงหรืองดการสูบบุหรี่ เนื่องจากจะทำให้โบท็อกสลายไวกว่าปกติ
  • งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงอาหารหมักดองและอาหารที่มีรสเผ็ดจัด
  • ควรมาพบแพทย์ตามนัดเสมอ ในกรณีที่มีนัดติดตามผล

ฉีดโบท็อกซ์ กี่วันเห็นผล ?

โดยทั่วไป คนไข้จะสามารถเห็นการยกกระชับของผิวหน้าประมาณ 30% (กรณีฉีดโบท็อกลิฟต์หน้า) แทบจะทันทีหลังฉีด อย่างไรก็ตาม โบท็อกซ์จะออกฤทธิ์เต็มที่ประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีด ซึ่งในช่วงนี้เราจะได้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน

โบท็อกซ์อยู่ได้กี่เดือน ?

สำหรับผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกนั้นจะไม่ได้อยู่ถาวร โดยเฉลี่ยแล้วโบท็อกจจะอยู่ได้ 4 – 6 เดือน และโบท็อกแท้สามารถสลายหมด 100% โดยไม่มีสารตกค้าง สามารถกลับไปฉีดซ้ำได้หากต้องการ แต่ก็ควรเข้ารับคำปรึกษาจากคุณหมอก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดการดื้อยานั่นเอง

โบท็อกซ์ กับ ฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร ?

สำหรับโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ ถือเป็นสองนวัตกรรมที่ใช้ในการเสริมความงาม แต่หลายคนมักสับสนว่าควรเลือกฉีดแบบไหนถึงจะตอบโจทย์ ซึ่งหัตถการทั้ง 2 ประเภทนั้นจะมีจุดประสงค์และวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน โบท็อกซ์ (Botox) เป็นโปรตีนที่ช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ซึ่งเหมาะสำหรับลดริ้วรอยแบบ dynamic lines เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยตีนกา หรือรอยขมวดคิ้ว โดยช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ส่วนฟิลเลอร์ (Filler) เป็นสารเติมเต็มที่ใช้ฉีดเพื่อเพิ่มปริมาตรในส่วนที่ขาด เช่น ร่องแก้ม ริมฝีปาก หรือเติมโหนกแก้มให้เด่นชัด ฟิลเลอร์ยังเหมาะสำหรับปรับรูปหน้าให้สมดุลและเสริมความอ่อนเยาว์ โบท็อกซ์เน้นการลดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ขณะที่ฟิลเลอร์เน้นการเพิ่มปริมาตรของเนื้อเยื่อ ทั้งสองวิธีสามารถใช้ร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับปัญหาเฉพาะบุคคล ดังนั้นการจะเลือกให้เหมาะสม จึงควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน

ข้อปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกซ์

เลือกฉีดโบท็อก ยี่ห้อไหนดี ?

ก่อนฉีดโบท็อกซ์สิ่งหนึ่งที่ควรศึกษาและเลือกให้เหมาะกับปัญหาผิว คือ การเลือกยี่ห้อโบท็อกซ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการและแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยโบท็อกซ์ที่ได้รับความนิยมในไทยหลักๆ จะเป็นโบท็อกเกาหลีและโบท็อกอเมริกา ซึ่งยี่ห้อโบท็อกซ์จากทั้ง 2 ประเทศ นั้นก็จะมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป

โดยโบท็อกเกาหลีได้รับการพัฒนาต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จุดเด่นของโบท็อกเกาหลีคือผลลัพธ์ที่เห็นได้รวดเร็วกว่าประมาณ 3-5 วันหลังการฉีด โดยมีความบริสุทธิ์ของตัวยาอยู่ที่ 98.7% ซึ่งเป็นระดับที่ดีและไม่ก่อให้เกิดอาการดื้อยา ระยะเวลาการออกฤทธิ์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว วิธีการดูแลหลังการฉีด และพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยข้อดีสำคัญคือราคาที่เหมาะสม ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลตัวเองในงบประมาณจำกัด ตัวอย่างโบท็อกเกาหลี ยี่ห้อที่ได้รับความนิยม เช่น โบท็อกซ์ Nabota และโบท็อกซ์ Aestox

ส่วนโบท็อกอเมริกา โดยเฉพาะยี่ห้อ Allergan ถือเป็นผู้บุกเบิกการใช้โบท็อกในการลดริ้วรอยมานานกว่า 40 ปี จุดเด่นของโบท็อกอเมริกาคือความบริสุทธิ์ที่สูงถึง 99.5% ซึ่งช่วยลดโอกาสการเกิดการดื้อยาได้ดี และมีการกระจายตัวของตัวยาที่แคบและแม่นยำ ทำให้แพทย์สามารถควบคุมผลลัพธ์ได้ดี โดยทั่วไป ผลลัพธ์ของโบท็อกอเมริกาสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน ซึ่งยาวนานกว่าโบท็อกเกาหลี 20% แต่ด้วยราคาที่สูงกว่ามาก จึงทำให้หลายคนเลือกใช้โบท็อกเกาหลีเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า สำหรับการเลือกฉีดโบท็อก ควรเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและคลินิกที่มีมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ฉีดโบท็อกซ์ ราคาเท่าไหร่ ?

ปัจจุบันนี้ โบท็อกมียี่ห้อที่หลากหลายทั้งจากประเทศอเมริกา เกาหลี เยอรมัน และอื่นๆ ดังนั้นราคาการฉีดโบท็อกจึงมีหลากหลายมาก ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและจำนวนยูนิตที่ฉีด) ซึ่งหากใครที่สงสัยว่าจะเลือกโบท็อกยี่ห้อไหนดี? สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

ราคาฉีดโบท็อกซ์

เลือกฉีดโบท็อกซ์ ที่ไหนดี? ให้ปลอดภัยและเห็นผลจริง

การฉีดโบท็อกเป็นหัตถการที่นับวันยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น ทุกวันนี้จึงมีคลินิกจำนวนมากเปิดให้บริการ รวมไปถึงมี “หมอปลอม” และ “โบท็อกเถื่อน” ปะปนอยู่ด้วย ดังนั้น เราต้องเลือกพิจารณาคลินิกโบท็อกหรือสถานเสริมความงามให้ดีก่อนว่าเชื่อถือได้จริงหรือไม่

  • เลขใบอนุญาตคลินิกถูกต้อง และมีแสดงให้เห็นหน้าคลินิก
  • ชื่อของแพทย์จะต้องสามารถตรวจสอบกับ แพทย์สภาได้ (สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ https://tmc.or.th/)
  • โบท็อกต้องสามารถตรวจสอบได้ โดยอาจนำเลขล็อตไปตรวจสอบกับผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า บางยี่ห้ออาจมี QR Code ข้างขวดที่สามารถสแกนและตรวจสอบได้

 

ฉีดโบท็อกซ์ที่ Anna Clinic ดีอย่างไร ?

Anna Clinic คลินิกเสริมความงามที่เชี่ยวชาญในการปรับรูปหน้า ทั้งการฉีดโบท็อกหน้าเรียวโบท็อกลดกรามและหัตถการด้านความงามอื่นๆ เพื่อใบหน้าที่เรียวสวยได้รูป อีกทั้ง Anna Clinic ยังเลือกใช้ตัวยาแท้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานอย. และดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ เรายังเป็นผู้เชี่ยวชาญในหัตถการด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นฉีดโบท็อกริ้วรอย ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ปาก เมโสแฟต หรือยกกระชับใบหน้าด้วยเครื่องอัลเทอร่า

มั่นใจและปลอดภัยกว่า เพราะ Anna Clinic เลือกใช้ตัวยาแท้และอุปกรณ์การแพทย์ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองมาตรฐานจากอย. พร้อมดูแลทุกปัญหาและให้คำปรึกษา หากสนใจหรือต้องการคำปรึกษา สามารถติดต่อ Anna Clinic ผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้

โทร. 063-556-2626 หรือ LINE @annaclinic

อย่าลืมติดตามเราบน Social Media เพื่อติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ๆ

Facebook: Anna Clinic

Instagram: annaclinic

YouTube: Anna Clinic Official

TikTok: annaclinic

รีวิวฉีดโบท็อกซ์กับ Anna Clinic

 

รีวิวฉีดโบท็อกซ์ 01

 

รีวิวฉีดโบท็อกซ์ 02

เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง