>

โบท็อกซ์ (Botox) คืออะไร? มีข้อดีอย่างไร อันตรายไหม ฉีดตรงไหนได้บ้าง

โบท็อกซ์ (Botox) คืออะไร? มีข้อดีอย่างไร อันตรายไหม ฉีดตรงไหนได้บ้าง

โบท็อกซ์ (Botox)

การฉีดโบท็อกซ์ หรือ Botulinum Toxin คือ หนึ่งในหัตถการปรับรูปหน้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถให้ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ช่วยให้กรอบหน้าดูเล็กลง และลดริ้วรอยได้ดีโดยไม่ต้องผ่าตัดแต่อย่างใด ที่สำคัญ คือ เป็นหัตถการที่มีราคาเข้าถึงง่าย แต่ในอีกมุมหนึ่ง หลายคนอาจยังมีความกลัวในการฉีดโบท็อกซ์ เพราะไม่แน่ใจว่า การเลือกฉีด Botulinum Toxin ดีไหมอาจจะเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย หรือทำให้ใบหน้าเสียโฉมที่มักถูกพูดถึงบ่อยๆ เช่น ยิ้มไม่สุด หน้าตึงจนแสดงสีหน้าไม่ได้ ผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อ ฯลฯ หรือเปล่า

เพื่อคลายความกังวลเหล่านี้ Anna Clinic จะพามาทำความรู้จักการทำงานของโบท็อกซ์ ข้อดีและข้อเสียของการฉีดโบท็อกซ์ พร้อมตอบคำถามว่า โบท็อกช่วยอะไร โบท็อกฉีดตรงไหนได้บ้าง หลังฉีดโบท็อกห้ามอะไรบ้าง รวมถึงผลข้างเคียงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้คุณตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์ได้แบบไร้กังวล ดูดีได้อย่างปลอดภัยแน่นอน 

หัวข้อทั้งหมด show

โบท็อกซ์ คืออะไร ?

โบท็อกซ์ คือ สารสกัดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ที่มีฤทธิ์ในการรบกวนการทำงานของเซลล์ประสาท ทำให้ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ กล้ามเนื้อที่ไม่ได้ถูกสั่งให้ขยับหรือใช้งานจึงเกิดการคลายตัวในที่สุด โดยมีชื่อทางการค้าเป็น “Botulinum Toxin Type A”

โบท็อกซ์จึงได้ถูกนำมาใช้งานในการลดริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้าที่เกิดจากการเคลื่อนไหว หรือ แสดงอารมณ์สีหน้า บริเวณระหว่างคิ้ว หน้าผาก หางตา รอยตีนกา รอบปาก รวมไปถึงช่วยกระชับรูขุมขนและยกกระชับใบหน้าอีกด้วย ส่วนการฉีดโบท็อกหน้าเรียว หรือโบท็อกลดกราม เป็นการฉีดตัวยาเข้าสู่บริเวณกล้ามเนื้อกราม (Masseter Muscle) ปรับรูปหน้าที่เหลี่ยมให้เรียวขึ้น ช่วยให้กรอบหน้าชัดเจน ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนเยาว์ขึ้น

โบท็อกซ์ ฉีดตรงไหนได้บ้าง ?

โบท็อกซ์นั้นสามารถฉีดได้ในหลายจุด ไม่ใช่เฉพาะบริเวณใบหน้าเท่านั้น ซึ่งจุดที่ฉีดโบท็อกจะส่งผลโดยตรงต่อผลลัพธ์ ดังนั้น เราจึงควรคำนึงไว้เสมอว่าฉีดโบท็อกจุดไหน แก้ไขปัญหาอะไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่น

  • โบท็อกซ์ริ้วรอย – เป็นการฉีดโบลดริ้วรอยในบริเวณต่างๆ บนใบหน้า ให้ดูตื้นและเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
  • โบท็อกลดกรามหน้าเรียว – จุดที่หลายคนนิยมฉีดโบท็อก เพราะการฉีดโบท็อกบริเวณนี้ จะช่วยลดกราม ทำให้กล้ามเนื้อกรามมีขนาดเล็กลง ลดปัญหากรามใหญ่ ส่งผลให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น เรียวขึ้น
  • โบท็อกหน้าผากและหว่างคิ้ว – ลดรอยและร่องลึกบนหน้าผากที่เกิดจากการยักคิ้วหรือขมวดคิ้วบ่อยๆ โบท็อกช่วยทำให้หน้าผากกลับมาเรียบตึงได้นั่นเอง
  • โบท็อกหางคิ้วและรอบดวงตา – ลดรอยตีนกาและช่วยปรับหางคิ้วที่ไม่เท่ากันให้สมดุลได้
  • โบท็อกโหนกแก้ม – ช่วยลดขนาดโหนกแก้มที่นูนจากกล้ามเนื้อที่ทำให้ใบหน้าไม่สมส่วน ดูดุ ดูแข็ง กลายเป็นใบหน้าที่ดูอ่อนหวานขึ้น ดูมีมิติและสมส่วนมากขึ้น
  • โบท็อกปีกจมูก – โบท็อกสามารถช่วยแก้ปัญหาปีกจมูกที่ดูใหญ่ ช่วยลดปีกจมูกให้เล็กลง และได้รูปทรงสวยมากขึ้น
  • โบท็อกลิฟกรอบหน้า – การฉีดโบท็อกสามารถช่วยลิฟต์กรอบหน้าให้ยกกระชับ ใบหน้าได้รูปมากขึ้น อีกทั้งช่วยให้ใบหน้าดูเรียวด้วย
  • นอกจากจุดฉีด botox ด้านบนที่ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ แล้ว โบท็อกยังสามารถช่วยในเรื่องของการลดอาการไมเกรน โบท็อกลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน ไปจนถึงช่วยลดเหงื่อใต้วงแขน ฝ่ามือ และฝ่าเท้าได้ด้วย

โบท็อก ช่วยอะไรได้บ้าง ?

การที่โบท็อก (Botox) เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยม เนื่องจากการฉีดโบท็อกนั้นมีประโยชน์มากมายในการเสริมความงามและปรับรูปหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด มีความสะดวก โดยการฉีดโบท็อกนั้นสามารถช่วยแก้ปัญหาบนใบหน้าได้หลายอย่าง ดังนี้

  • ช่วยในการลดเลือนรอยย่น และริ้วรอยบนใบหน้า เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยหว่างคิ้ว ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ฯลฯ
  • ช่วยในการปรับรูปหน้า ให้หน้าเล็กและเรียวขึ้น ช่วยลดกรามหรือหน้าเหลี่ยมได้
  • ช่วยให้ใบหน้ากระชับและกรอบหน้าชัดขึ้น
  • ช่วยในการลดหรือกระชับรูขุมขน สามารถช่วยเรื่องการลดเหงื่อบริเวณผิวหนังได้
  • ช่วยในการลดขนาดต้นแขน และน่องได้ ทำให้เรียวเล็กลง
  • ช่วยในการรักษาอาการปวดได้ เช่น อาการปวดหลัง ปวดไมเกรน ซึ่งต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ก่อน

ข้อดีที่คนเลือกฉีดโบท็อกซ์ 

การฉีดโบท็อกซ์ หรือ Botulinum Toxin Type A คือ ทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการความงามและการแพทย์ โดยมีข้อดีมากมายที่ทำให้ผู้คนเลือกวิธีนี้

  • รวดเร็วและเห็นผลไว – การฉีดโบท็อกซ์ใช้เวลาทำเพียง 15-30 นาที สามารถทำได้ในช่วงพักกลางวัน และเริ่มเห็นผลลัพธ์ประมาณ 30% หลังฉีด และโบท็อกจะออกฤทธิ์เต็มที่ประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีดอย่างไรก็ตามผลลัพธ์อาจขึ้นได้กับจุดฉีด Botox ปริมาณ และยี่ห้อ
  • ไม่ต้องพักฟื้นนาน – หลังฉีดสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ทันที ไม่จำเป็นต้องลางานหรือหยุดพักเป็นเวลานานเหมือนการผ่าตัด มีข้อจำกัดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
  • มีหลายราคาให้เลือก – มีโบท็อกซ์หลากหลายยี่ห้อและหลายระดับราคาให้เลือกตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ตั้งแต่ราคาหลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ทำให้ผู้ที่มีงบประมาณจำกัดสามารถเข้าถึงได้
  • ไม่ต้องผ่าตัด – เป็นหัตถการแบบ non-invasive ที่ไม่ต้องดมยาสลบหรือเจาะผิวหนังขนาดใหญ่ จึงลดความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากการผ่าตัด
  • ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ – เมื่อฉีดโดยผู้เชี่ยวชาญ ผลลัพธ์จะดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อหรือผิดรูปผิดร่าง สามารถปรับให้เหมาะกับลักษณะใบหน้าของแต่ละคน
  • มีความยืดหยุ่น – ผลลัพธ์ไม่ถาวร ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ หากไม่พอใจกับผลลัพธ์ สามารถรอให้ฤทธิ์ของโบท็อกซ์หมดไปได้
  • ประโยชน์ทางการแพทย์ – นอกจากความงาม ยังช่วยรักษาอาการไมเกรน เหงื่อออกมากผิดปกติ ภาวะกล้ามเนื้อเกร็ง และปัญหาสุขภาพอื่นๆ
  • สะดวกและไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน – หลังฉีดสามารถแต่งหน้าและทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติภายในเวลาไม่นาน โดยไม่มีรอยแผลให้เห็น

ฉีดโบท็อก อันตรายไหม ?

หลายคนมีความกังวลถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดโบท็อก เนื่องจากได้ยินสิ่งที่มักถูกบอกต่อๆ กันมา หรือข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องขอบอกเอาไว้ว่า จากสถิติการรักษาผู้ป่วยด้วยโบท็อกในต่างประเทศ พบว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิตและเกิดผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อย เมื่อใช้ฉีดอย่างถูกวิธีในปริมาณที่เหมาะสมกับปัญหา และอยู่ในความดูแลของแพทย์ ดังนั้น การฉีดโบลดกราม หน้าเรียว หรือลดริ้วรอยต่างๆ ควรทำโดยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีใบอนุญาต ดำเนินการผ่านคลินิกที่สะอาดได้มาตรฐานและขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง

ที่สำคัญคือ ควรหลีกเลี่ยง “หมอกระเป๋า” อย่างเด็ดขาด เพราะมีความเสี่ยงที่เราอาจเจอกับโบท็อกปลอมที่ไม่ผ่านอย. รวมไปถึงเทคนิคการฉีดแบบผิดๆ ที่ส่งผลอันตราย รวมถึงควรเช็กความพร้อมของสภาพร่างกายของตนเอง ปฏิบัติตามขั้นตอนที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด เท่านี้การฉีดโบท็อกก็จะไม่อันตรายหรือน่ากลัวอีกต่อไป

ผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกซ์

ข้อห้ามการฉีดโบท็อก

หลายคนกังวลว่าฉีดโบท็อกอันตรายไหม แม้การฉีดโบท็อกจะมีความปลอดภัยสูง แต่ต้องฉีดอย่างถูกต้อง ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย และทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ไม่อันตราบ แต่ก็มีกลุ่มเสี่ยงที่ควรเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์ เพราะอาจเสี่ยงอันตรายได้ ดังนี้ 

  • หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อ หรือเป็นโรคผิวหนังบริเวณที่จะฉีด
  • ผู้ที่มีอาการแพ้ส่วนประกอบของโบท็อก
  • ผู้ที่มีโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง เช่น โรค Myasthenia Gravis
  • ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่ายหรือกำลังใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
  • ผู้ที่มีโรคระบบประสาทบางชนิด

ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจรับการฉีดโบท็อก เพื่อประเมินความเหมาะสมและความปลอดภัยเฉพาะบุคคล

การฉีดโบท็อกซ์ มีอาการหรือผลข้างเคียงหลังทำไหม ?

การฉีดโบท็อกโดยเลือกใช้โบท็อกซ์แท้ผ่านอย. จะไม่ทิ้งสารตกค้างให้แก่ร่างกาย อย่างไรก็ตาม ยังคงมีผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังฉีดโบท๊อก เช่น รู้สึกตึงๆ บริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการปกติที่ไม่อันตรายใดๆ ทั้งนี้ เมื่อฉีดโบอาจมีผลข้างเคียงอื่นๆ ที่มีโอกาสเกิดได้แต่ไม่อันตรายถึงชีวิต คือ

1.รอยจ้ำแดงหรือเขียวช้ำบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์

เกิดจากการใช้เข็มของแพทย์ในการฉีดโบท็อก ซึ่งเป็นอาการปกติที่พบได้ทั่วไป

2.อาการบวมและรู้สึกเจ็บจุดที่ฉีดโบท็อกซ์

มีสาเหตุจากการติดเชื้อ เนื่องจากโบท็อกที่ไม่ได้มาตรฐานมีการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสมจนมีการปนเปื้อน

3.หนังตาตก มุมปากตกชั่วคราว หรือยิ้มเบี้ยว

ส่วนใหญ่มักเกิดจากฉีดโบท็อกผิดตำแหน่ง ซึ่งอาจเป็นเพราะแพทย์ขาดประสบการณ์ หรือตัวยากระจายไปยังกล้ามเนื้อที่ไม่ต้องการ เนื่องจากพฤติกรรมการดูแลตัวเองไม่เหมาะสมหลังฉีด

4.บริเวณที่ฉีด Botox อาจเกิดผิวหนังยุบตัว

เป็นผลข้างเคียงที่พบได้ไม่บ่อยนัก ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากกล้ามเนื้อที่ฝ่อตัวลงชั่วคราว แต่สามารถหายเองได้ เมื่อฤทธิ์ของโบท็อกค่อยๆ ลดลงไป

แม้ผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะฟังดูน่ากลัว แต่ก็ไม่เป็นอันตรายใดๆ ต่อชีวิตและรักษาให้หายได้ หากปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ปฏิบัติตามแพทย์แนะนำ และดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี

ฉีดโบท็อกปลอม มีผลเสียอย่างไร ?

ในบางครั้งการฉีดโบท็อก อาจมีข้อเสียมากกว่าข้อดี เนื่องอาจมีการฉีดโบท็อกปลอด ที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้บางคนอาจมีอาการแพ้โบท็อก ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้หลังฉีด แม้เป็นอาการที่พบได้น้อย แต่ก็ควรทราบถึงวิธีสังเกตอาการนี้ เพื่อให้รู้ตัวทันและเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที โดยอาการแพ้โบท็อก ได้แก่ มีผื่นคันขึ้นบนผิวหนังบริเวณที่ฉีดโบท็อก บางคนอาจรู้สึกอ่อนเพลีย มีไข้ต่ำๆ คลื่นไส้ อาเจียน หรือหายใจติดขัด

สาเหตุของอาการเหล่านี้มาจากปฏิกิริยาของร่างกาย ที่สร้างภูมิต้านทานมาต่อต้านสารแปลกปลอมเข้าไป ซึ่งร่างกายของแต่ละคนก็อาจตอบสนองมากน้อยแตกต่างกันไป จึงขอแนะนำว่า หากมีอาการผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด

นอกจากนี้ ในกรณีของคนไข้บางรายที่ฉีดโบท็อกบ่อยเกินไปและฉีดในปริมาณมากๆ อาจกระตุ้นให้ร่างกายต่อต้านโบท็อก จนแสดงอาการแพ้ออกมา รวมถึงเพิ่มโอกาสทำให้ดื้อโบท็อกอีกด้วย ส่งผลให้การฉีดโบท็อกไม่ได้ผลในที่สุด

ก่อนฉีดโบท็อกซ์ ควรเตรียมตัวอย่างไร

ก่อนฉีดโบท็อกซ์ควรเตรียมตัวให้พร้อม อีกทั้งเข้ามาพบกับแพทย์ก่อน เพื่อทำการตรวจผิวหนัง และปรึกษาเกี่ยวกับบริเวณที่จะฉีด เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกายและให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ซึ่งมีหลายๆ จุดที่เราควรใส่ใจ ดังนี้

  • เลือกใช้โบท็อกของแท้ มีการรับรองจากอย. ไทย และสามารถตรวจสอบได้
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนฉีดโบท็อกอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • หยุดการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS ได้แก่ Ibuprofen และ Naproxen
  • งดทานวิตามินที่มีฤทธิ์ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา สารสกัดจากโสม หรือใบแปะก๊วย เป็นต้น
  • แจ้งแพทย์ผู้ดูแลให้ทราบถึงโรคประจำตัวหรืออาการแพ้ยาก่อนเข้ารับหัตถการ
  • ควรเลือกฉีดโบท็อกกับแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ และคลินิกโบท็อกที่น่าเชื่อถือ

ข้อปฏิบัติและข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกซ์

หลังฉีดโบท็อกซ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว การดูแลตัวเองก็เป็นเรื่องสำคัญเพราะหากละเลย ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาทีหลังได้ ในทางกลับกันถ้าดูแลตัวเองได้ดี โบท็อกก็จะสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีข้อแนะนำ เช่น

  • งดการนอนราบ 3 – 4 ชั่วโมงหลังฉีด
  • งดการกด นวด หรือถูบริเวณที่ฉีด เพราะอาจส่งผลต่อการกระจายตัวของโบท็อกไปยังส่วนที่ไม่ต้องการ
  • งดการแต่งหน้าหลังฉีดโบท็อกซ์ภายในวันที่ฉีด แต่สามารถแต่งหน้าได้ในวันถัดไป
  • หลีกเลี่ยงแดดจัดในช่วงแรก และทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมในที่ร้อน อาทิ การแช่น้ำอุ่น ซาวน่า การอบไอน้ำ หรือเลเซอร์หลังฉีด 2 – 4 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงหรืองดการสูบบุหรี่ เนื่องจากจะทำให้โบท็อกสลายไวกว่าปกติ
  • งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงอาหารหมักดองและอาหารที่มีรสเผ็ดจัด
  • ควรมาพบแพทย์ตามนัดเสมอ ในกรณีที่มีนัดติดตามผล

ฉีดโบท็อก ล้างหน้าได้ไหม 

หลังจากการ ฉีดโบท็อก คุณควรงดการล้างหน้าหรือแต่งหน้าในวันที่ฉีด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการกระจายตัวของยาไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการ และสามารถล้างหน้าและแต่งหน้าได้ตามปกติในวันถัดไปหลังการฉีด แต่ควรทำด้วยความนุ่มนวล หลีกเลี่ยงการขัดถูหรือกดบริเวณที่ฉีดโดยตรง

ฉีดโบท็อกอายุเท่าไหร่

โดยทั่วไปแล้ว แพทย์ไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์ในผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากร่างกายยังอยู่ในช่วงเจริญเติบโตและมีความสามารถในการซ่อมแซมผิวได้ดี หากจำเป็นต้องฉีดในผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี เช่น กรณีมีริ้วรอยชัดเจน อาจทำได้โดยต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง ช่วงอายุที่นิยมเริ่มฉีดโบท็อกซ์คือ 20 ปีขึ้นไป โดยในวัย 20-30 ปี จะเน้นการป้องกันและชะลอการเกิดริ้วรอย รวมถึงปรับรูปหน้า เช่น ลดกราม ส่วนในวัย 30-40 ปีขึ้นไป จะเน้นลดเลือนริ้วรอยที่เห็นชัดเจนแล้ว ไม่มีข้อจำกัดอายุสูงสุดในการฉีด แต่แพทย์จะพิจารณาความเหมาะสมเป็นรายบุคคล

ฉีดโบท็อกหน้าเรียวจริงไหม

การฉีดโบท็อกซ์สามารถช่วยให้หน้าเรียวขึ้นได้จริง โดยเฉพาะในกรณีที่ความกว้างของใบหน้าเกิดจากกล้ามเนื้อกรามที่ใหญ่หรือแข็งแรงเกินไป ทั้งนี้ ควรเข้าใจว่าผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพโครงสร้างใบหน้าเดิมของแต่ละคน หากความกว้างของใบหน้าเกิดจากโครงสร้างกระดูก การฉีดโบท็อกซ์อาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร นอกจากนี้หากต้องการให้ประสิทธิภาพของโบท็อกซ์ออกฤทธิ์อย่างเต็มที่ อย่าลืมปฏิบัติตามวิธีดูแลหลังฉีดโบท็อกอย่างถูกต้อง 

โบท็อกซ์ลดน่อง คืออะไร

โบท็อกซ์ลดน่อง เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่ผู้ที่ต้องการขาเรียวสวย การฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในกล้ามเนื้อน่อง (Gastrocnemius muscle) จะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้รูปทรงน่องดูเรียวขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่า การฉีดโบท็อกซ์ลดน่องอาจต้องใช้ปริมาณโบท็อกซ์มากกว่าการฉีดบริเวณใบหน้า เนื่องจากกล้ามเนื้อน่องมีขนาดใหญ่กว่า และอาจต้องฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์

โบท็อกไมเกรน คืออะไร

โบท็อกไมเกรน คือ การฉีดสาร Botulinum Toxin Type A (โบท็อกซ์) เพื่อบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรนเรื้อรัง โดยสารนี้จะถูกฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อบริเวณศีรษะ เช่น ระหว่างคิ้ว หน้าผาก ท้ายทอย ต้นคอ และบ่า รวมประมาณ 31 จุด เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อที่หดเกร็งและยับยั้งการส่งสัญญาณความเจ็บปวดจากปลายประสาทไปยังสมอง ทำให้อาการปวดศีรษะลดลงทั้งความรุนแรงและความถี่ของการเกิดอาการ โบท็อกไมเกรนราคาจะอยู่ที่ประมาณ 5,500-30,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้และสถานพยาบาล

ทานยาฆ่าเชื้อ ลดอักเสบ แก้ปวด มีผลต่อโบท็อกหรือไม่

การกินยาฆ่าเชื้อ ลดอักเสบ และแก้ปวดไม่ได้มีผลต่อโบท็อกซ์ แต่ควรงดก่อนเข้าฉีดโบท็อกซ์เนื่องจากมีผลทำให้เลือกออกและช้ำได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม หากคนไข้มียาที่รับประทานเป็นประจำควรแจ้งกับแพทย์ให้ทราบก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์ 

ฉีดโบท็อกซ์ กี่วันเห็นผล ?

โดยทั่วไป คนไข้จะสามารถเห็นการยกกระชับของผิวหน้าประมาณ 30% แทบจะทันทีหลังฉีด อย่างไรก็ตาม โบท็อกซ์จะออกฤทธิ์เต็มที่ประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีด ซึ่งในช่วงนี้เราจะได้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนขึ้น

โบท็อกซ์อยู่ได้กี่เดือน ?

สำหรับผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกนั้นจะไม่ได้อยู่ถาวร โดยเฉลี่ยแล้วโบท็อกจจะอยู่ได้ 4 – 6 เดือน และโบท็อกแท้สามารถสลายหมด 100% โดยไม่มีสารตกค้าง สามารถกลับไปฉีดซ้ำได้หากต้องการ แต่ก็ควรเข้ารับคำปรึกษาจากคุณหมอก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดการดื้อยานั่นเอง

โบท็อกซ์ กับ ฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร ?

สำหรับโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ ถือเป็นสองนวัตกรรมที่ใช้ในการเสริมความงาม แต่หลายคนมักสับสนว่าควรเลือกฉีดแบบไหนถึงจะตอบโจทย์ ซึ่งหัตถการทั้ง 2 ประเภทนั้นจะมีจุดประสงค์และวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน โบท็อกซ์ (Botox) เป็นโปรตีนที่ช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ซึ่งเหมาะสำหรับลดริ้วรอยแบบ dynamic lines เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยตีนกา หรือรอยขมวดคิ้ว โดยช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ส่วนฟิลเลอร์ (Filler) เป็นสารเติมเต็มที่ใช้ฉีดเพื่อเพิ่มปริมาตรในส่วนที่ขาด เช่น ร่องแก้ม ริมฝีปาก หรือเติมโหนกแก้มให้เด่นชัด ฟิลเลอร์ยังเหมาะสำหรับปรับรูปหน้าให้สมดุลและเสริมความอ่อนเยาว์ โบท็อกซ์เน้นการลดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ขณะที่ฟิลเลอร์เน้นการเพิ่มปริมาตรของเนื้อเยื่อ ทั้งสองวิธีสามารถใช้ร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับปัญหาเฉพาะบุคคล ดังนั้นการจะเลือกให้เหมาะสม จึงควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน

ข้อปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกซ์

เลือกฉีดโบท็อก ยี่ห้อไหนดี ?

ก่อนฉีดโบท็อกซ์สิ่งหนึ่งที่ควรศึกษาและเลือกให้เหมาะกับปัญหาผิว คือ การเลือกยี่ห้อโบท็อกซ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการและแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยโบท็อกซ์ที่ได้รับความนิยมในไทยหลักๆ จะเป็นโบท็อกเกาหลีและโบท็อกอเมริกา ซึ่งยี่ห้อโบท็อกซ์จากทั้ง 2 ประเทศ นั้นก็จะมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป

โดยโบท็อกเกาหลีได้รับการพัฒนาต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จุดเด่นของโบท็อกเกาหลีคือผลลัพธ์ที่เห็นได้รวดเร็วกว่าประมาณ 3-5 วันหลังการฉีด โดยมีความบริสุทธิ์ของตัวยาอยู่ที่ 98.7% ซึ่งเป็นระดับที่ดีและไม่ก่อให้เกิดอาการดื้อยา ระยะเวลาการออกฤทธิ์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว วิธีการดูแลหลังการฉีด และพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยข้อดีสำคัญคือราคาที่เหมาะสม ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลตัวเองในงบประมาณจำกัด ตัวอย่างโบท็อกเกาหลี ยี่ห้อที่ได้รับความนิยม เช่น โบท็อกซ์ Nabota และโบท็อกซ์ Aestox

ส่วนโบท็อกอเมริกา โดยเฉพาะยี่ห้อ Allergan ถือเป็นผู้บุกเบิกการใช้โบท็อกในการลดริ้วรอยมานานกว่า 40 ปี จุดเด่นของโบท็อกอเมริกาคือความบริสุทธิ์ที่สูงถึง 99.5% ซึ่งช่วยลดโอกาสการเกิดการดื้อยาได้ดี และมีการกระจายตัวของตัวยาที่แคบและแม่นยำ ทำให้แพทย์สามารถควบคุมผลลัพธ์ได้ดี โดยทั่วไป ผลลัพธ์ของโบท็อกอเมริกาสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน ซึ่งยาวนานกว่าโบท็อกเกาหลี 20% แต่ด้วยราคาที่สูงกว่ามาก จึงทำให้หลายคนเลือกใช้โบท็อกเกาหลีเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า สำหรับการเลือกฉีดโบท็อก ควรเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและคลินิกที่มีมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ฉีดโบท็อกซ์ ราคาเท่าไหร่ ?

ปัจจุบันนี้ โบท็อกมียี่ห้อที่หลากหลายทั้งจากประเทศอเมริกา เกาหลี เยอรมัน และอื่นๆ ดังนั้นราคาการฉีดโบท็อกจึงมีหลากหลายมาก ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและจำนวนยูนิตที่ฉีด) ซึ่งหากใครที่สงสัยว่าจะเลือกโบท็อกยี่ห้อไหนดี? สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

 

ราคาฉีดโบท็อกซ์

เลือกฉีดโบท็อกซ์ ที่ไหนดี? ให้ปลอดภัยและเห็นผลจริง

การฉีดโบท็อกเป็นหัตถการที่นับวันยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น ทุกวันนี้จึงมีคลินิกจำนวนมากเปิดให้บริการ รวมไปถึงมี “หมอปลอม” และ “โบท็อกเถื่อน” ปะปนอยู่ด้วย ดังนั้น เราต้องเลือกพิจารณาคลินิกโบท็อกหรือสถานเสริมความงามให้ดีก่อนว่าเชื่อถือได้จริงหรือไม่

  • เลขใบอนุญาตคลินิกถูกต้อง และมีแสดงให้เห็นหน้าคลินิก
  • ชื่อของแพทย์จะต้องสามารถตรวจสอบกับ แพทย์สภาได้ (สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ https://tmc.or.th/)
  • โบท็อกต้องสามารถตรวจสอบได้ โดยอาจนำเลขล็อตไปตรวจสอบกับผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า บางยี่ห้ออาจมี QR Code ข้างขวดที่สามารถสแกนและตรวจสอบได้
  • ดูรีวิวโบท็อก ควรศึกษาความคิดเห็นและประสบการณ์จากผู้ที่เคยใช้บริการจริง

จากบทความข้างต้น สำหรับใครที่ยังมีคำถามว่า Botulinum toxin ดีไหม? คงได้คำตอบแล้วว่าโบท็อกซ์เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับหลายคน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะเมื่อฉีดอย่างถูกวิธีและโดยผู้เชี่ยวชาญ การฉีดโบท็อกซ์ถือเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูงและได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาทั่วโลก ประสิทธิภาพของโบท็อกซ์ขึ้นอยู่กับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ฉีด และการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก 

หากใครสนใจฉีดโบท็อกซ์ ไม่ว่าจะฉีดโบลดริ้วรอย โบกราม หรืออื่นๆ สามารถใช้บริการได้ที่ Anna Clinic ดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และได้มาตรฐาน ซึ่งนอกจากโบท็อกซ์แล้วก็มีโปรแกรมอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การฉีดฟิลเลอร์ การร้อยไหม การฉีดสลายไขมัน ด้วยเมโสแฟต หรือแฟตเหนียง ฉีดโบลดริ้วรอย

ฉีดโบท็อกซ์ที่ Anna Clinic ดีอย่างไร ?

Anna Clinic คลินิกเสริมความงามที่เชี่ยวชาญในการปรับรูปหน้า ทั้งการฉีดโบท็อกหน้าเรียวโบท็อกลดกรามและหัตถการด้านความงามอื่นๆ เพื่อใบหน้าที่เรียวสวยได้รูป อีกทั้ง Anna Clinic ยังเลือกใช้ตัวยาแท้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานอย. และดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ เรายังเป็นผู้เชี่ยวชาญในหัตถการด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นฉีดโบท็อกริ้วรอย ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ปาก เมโสแฟต หรือยกกระชับใบหน้าด้วยเครื่องอัลเทอร่า

มั่นใจและปลอดภัยกว่า เพราะ Anna Clinic เลือกใช้ตัวยาแท้และอุปกรณ์การแพทย์ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองมาตรฐานจากอย. พร้อมดูแลทุกปัญหาและให้คำปรึกษา หากสนใจหรือต้องการคำปรึกษา สามารถติดต่อ Anna Clinic ผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้

โทร. 063-556-2626 หรือ LINE @annaclinic

อย่าลืมติดตามเราบน Social Media เพื่อติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ๆ

Facebook: Anna Clinic

Instagram: annaclinic

YouTube: Anna Clinic Official

TikTok: annaclinic 

 

รีวิวฉีดโบท็อกซ์กับ Anna Clinic

 

รีวิวฉีดโบท็อกซ์ 01

 

รีวิวฉีดโบท็อกซ์ 02

เพิ่มเติม: ร้อยไหม