ในปัจจุบันที่ความงามและสุขภาพได้รับความสนใจมากขึ้น หลายคนมองหาวิธีการที่ช่วยเสริมสร้างรูปร่างที่สมส่วนและมั่นใจยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาพและรูปร่างควรมาพร้อมกับความรับผิดชอบต่อร่างกายของตัวเอง รวมถึงการพิจารณาถึงความปลอดภัยและผลกระทบในระยะยาว การฉีดสลายไขมัน (Fat Dissolving Injection) จึงกลายมาเป็นทางเลือกหนึ่งที่หลายคนสนใจ เนื่องจากไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดและสามารถช่วยแก้ปัญหาไขมันสะสมเฉพาะจุดได้
บทความนี้ Anna Clinic จะพาผู้อ่านทุกคนไปรู้จักกับการฉีดสลายไขมันอย่างละเอียด ทั้งความปลอดภัย ประเภทของการฉีด ราคาของแต่ละประเภท และข้อควรระวัง เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างละเอียดและรอบคอบ และสอดคล้องกับการสุขภาพที่ดีของคุณในระยะยาว
การฉีดสลายไขมัน คืออะไร ปลอดภัยแค่ไหน อันตรายหรือเปล่า
การฉีดสลายไขมัน (Fat Dissolving Injection) คือ การใช้สารเฉพาะที่มีคุณสมบัติช่วยสลายไขมันใต้ชั้นผิวหนัง โดยไขมันเหล่านี้จะถูกขับออกจากร่างกายผ่านระบบน้ำเหลืองหรือระบบเผาผลาญของร่างกาย ซึ่งวิธีการนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพราะไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีบาดแผล และใช้เวลาไม่นานในการพักฟื้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด เช่น แก้ม หน้าท้อง ต้นแขน หรือสะโพก
การฉีดสลายไขมันถือว่าเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน โดยสารที่ใช้ฉีดต้องผ่านการรับรองความปลอดภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อย. (องค์การอาหารและยา) หรือ FDA (ในกรณีของสารที่นำเข้า) อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ เช่น
- ความชำนาญของแพทย์ – การประเมินปริมาณและตำแหน่งการฉีดที่เหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
- คุณภาพของตัวยาที่ใช้ – ควรเลือกใช้ตัวยาที่ได้รับการรับรองจากอย. และเป็นของแท้
- การดูแลหลังฉีด – ผู้ที่ฉีดลดไขมันต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น การดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ดี หลายคนอาจสงสัยว่าฉีดสลายไขมัน มีผลข้างเคียงไหม แม้ว่าจะมีความปลอดภัยสูงก็ตาม ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงที่ควรทราบ เช่น
- ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป – อาการบวม แดง หรือช้ำบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักหายไปเองได้ใน 1-2 วัน
- การแพ้สารที่ฉีด – แม้จะพบได้น้อย แต่หากเกิดอาการแพ้ เช่น ผื่นแดง ลมพิษ หรือหายใจติดขัด ควรรีบพบแพทย์ทันที
- การติดเชื้อ – ในกรณีที่สถานพยาบาลไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดการติดเชื้อที่บริเวณที่ฉีด
โดยสรุป การฉีดสลายไขมันสามารถใช้ในการแก้ไขปัญหาไขมันสะสมเกิน รวมถึงยกกระชับใบหน้าหรือปรับเปลี่ยนรูปหน้าให้ดูเรียวสวยขึ้นได้ การฉีดสลายไขมันมีความปลอดภัยหากอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญและสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ทั้งนี้ การฉีดสลายไขมันอาจมีข้อควรระวังอย่างผลข้างเคียง อาการแพ้ หรืออาการติดเชื้อ แต่หากอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิดแล้ว ก็สามารถมั่นใจถึงความปลอดภัยและหมดกังวลถึงความเสี่ยงต่างๆ
ข้อดีของการฉีดสลายไขมัน
การฉีดสลายไขมันมีข้อดีหลายประการ เช่น
- ไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่ทิ้งรอยบาดแผลและไม่ต้องพักฟื้นนาน หลังฉีด สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
- เห็นผลรวดเร็ว โดยปกติสามารถเริ่มเห็นผลของการฉีดสลายไขมันได้ตั้งแต่ 1-2 สัปดาห์แรกหลังฉีด
- ช่วยกระชับผิว การฉีดสลายไขมันไม่เพียงช่วยลดไขมัน แต่ยังช่วยให้ผิวบริเวณที่ฉีดตึงกระชับ
การฉีดสลายไขมันมีกี่ประเภท
การฉีดสลายไขมันไม่ได้มีเพียงวิธีเดียว แต่มีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับสารที่ใช้และวัตถุประสงค์ เช่น
1. เมโสแฟต (Meso Fat)
เมโสแฟตถือเป็นตัวยาที่นิยมใช้และเป็นที่รู้จักมากที่สุดในการฉีดสลายไขมัน โดยส่วนผสมของเมโสแฟตอาจแตกต่างกันไปตามยี่ห้อ แต่โดยทั่วไปจะมีสารออกฤทธิ์หลักที่ช่วยสลายไขมัน เช่น Phosphatidylcholine (PPC) และ Deoxycholate ซึ่งช่วยกระตุ้นการเผาผลาญและขับไขมันออกจากร่างกาย หากถามว่าแล้วควรใช้เมโสแฟต ยี่ห้อไหนดี คำตอบ คือ ขึ้นอยู่กับความต้องการ ปัญหาที่มี รวมถึงข้อพิจารณาจากการปรึกษากับแพทย์ ซึ่งในปัจจุบัน เมโสแฟตที่นิยมก็มีหลายยี่ห้อ อาทิ Phytobella, BABI Neo One, Neobella ที่เป็นที่นิยมในวงกว้าง มีส่วนผสมที่ช่วยสลายไขมันและกระตุ้นการกระชับผิว หรือจะเป็น A Firm ที่เน้นปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับ เหมาะสำหรับลดไขมันที่แก้มและกรอบหน้า
2. Aqualyx
หนึ่งในยี่ห้อตัวยาสลายไขมัน ที่ประกอบไปด้วยสารสลายไขมันที่ได้รับการพัฒนาเฉพาะสำหรับลดไขมันส่วนเกิน โดยออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัยสำหรับการใช้ในบริเวณต่างๆ เช่น ใบหน้าและลำตัว
3. Lipodissolve
เป็นเทคนิคที่ใช้การฉีดสารผสมระหว่างตัวยา Phosphatidylcholine และ Deoxycholate โดยสารเหล่านี้จะช่วยลดไขมันพร้อมยกกระชับผิว และมักนิยมใช้ฉีดสลายไขมันหน้าท้อง ต้นขา หลัง และลำคอ
4. Kybella
Kybella เป็นสารที่ได้รับการรับรองจาก FDA (องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา) ใช้สำหรับลดไขมันบริเวณคางและใต้คางโดยเฉพาะ
ฉีดสลายไขมันแบบไหนเหมาะสมที่สุด?
คำตอบขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้เข้าทำหัตถการ หรือวัตถุประสงค์ ซึ่งสามารถพูดคุยปรึกษากับแพทย์หลังตรวจร่างกาย เนื่องจากแต่ละคนย่อมมีปัญหาไขมันสะสมหรือสภาพร่างกายที่แตกต่างกัน รวมไปถึงงบประมาณหรือความต้องการ ดังนั้นการฉีดประเภทที่ใช่จึงขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังกล่าว ซึ่งการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นทางออกเดียวที่เหมาะที่สุดในการพิจารณาว่าควรฉีดลดไขมันแบบไหน แบบใดที่เหมาะกับร่างกายหรือปัญหาของเราที่สุด
จากประเภทการฉีดไขมันที่กล่าวไปข้างต้น สามารถอธิบายถึงความแตกต่างเบื้องต้นได้ดังนี้
เมโสแฟต (Meso Fat)
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา หรือมีแก้มเยอะ โดยไม่ได้มีไขมันสะสมมากจนเกินไป
-
ข้อดี:
-
- เห็นผลเร็ว (ประมาณ 1-2 สัปดาห์)
- ช่วยกระชับผิวบริเวณที่ฉีด
- ฉีดสลายไขมัน ราคาสำหรับเมโสแฟตค่อนข้างเข้าถึงได้ง่าย
-
ข้อควรคำนึง
-
- อาจต้องฉีดหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมในปริมาณมาก
นอกจากนี้ เมโสแฟตยังคงเป็นที่นิยมในประเทศไทย เนื่องจากเหมาะกับการปรับรูปหน้าหรือรูปร่างในจุดเล็กๆ ที่ลดยาก
Aqualyx
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันสะสมในปริมาณมาก หรือในบริเวณที่ลดยาก เช่น หน้าท้อง สะโพก หรือขา
-
ข้อดี:
-
- ได้รับการรับรองจากหลายหน่วยงานในยุโรปเรื่องความปลอดภัย
- มีผลลัพธ์ที่ชัดเจนสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมในปริมาณมาก
-
ข้อควรคำนึง:
-
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเมโสแฟต
- อาจมีอาการบวมหลังฉีดที่เด่นชัดกว่า
Aqualyx ถือเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมในระดับสากล โดยเฉพาะในยุโรปและสหรัฐอเมริกา
Kybella
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการลดไขมันบริเวณใต้คางหรือเหนียง (Double Chin) อย่างชัดเจน และมีปัญหาความหย่อนคล้อยบริเวณคาง
-
ข้อดี:
-
-
- เป็นสารที่ได้รับการรับรองจาก FDA ของสหรัฐฯ
- ผลลัพธ์ชัดเจนสำหรับบริเวณใต้คาง
-
-
ข้อควรคำนึง:
-
- ใช้สำหรับบริเวณใต้คางเท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับการลดไขมันส่วนอื่นของร่างกาย
- ราคาค่อนข้างสูง
Lipodissolve
Lipodissolve เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันพร้อมยกกระชับผิวในบริเวณต่างๆ ของร่างกาย
-
ข้อดี:
-
- สามารถปรับความเข้มข้นของสารเพื่อให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคล
- ลดเซลลูไลต์และช่วยกระชับผิว
-
ข้อที่อาจต้องคำนึง:
-
- อาจใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- อาจต้องทำหัตถการหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่เป็นที่น่าพึงพอใจ
อย่างไรก็ดี ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันออกไปตามแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัญหา ร่างกาย หัตถการที่เลือกใช้ รวมไปถึงความชำนาญของแพทย์ด้วย ดังนั้น วิธีการที่ดีที่สุดในการรวบรวมข้อมูลจึงคือการสอบถามกับผู้เชี่ยวชาญของคลินิกที่สนใจโดยตรง หรือขอเข้ารับการปรึกษา ให้แพทย์ตรวจและคาดการณ์ถึงผลลัพธ์ต่างๆ ที่สามารถเป็นไปได้
ฉีดสลายไขมัน บริเวณไหนได้บ้าง
การฉีดสลายไขมันสามารถทำได้ในหลายบริเวณของร่างกาย ซึ่งจุดที่ได้รับความนิยมได้แก่
- ฉีดสลายไขมันหน้าท้อง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันบริเวณพุงหรือรอบเอว
- ฉีดลดไขมันที่แก้ม ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวและกระชับ
- บริเวณต้นขา ต้นแขน หรือสะโพก สำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันส่วนเกินในจุดที่ลดยาก
การเลือกบริเวณที่ฉีดควรพิจารณาร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของแต่ละบุคคล
ราคาของการฉีดสลายไขมัน
ราคาของการฉีดสลายไขมันมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ประเภทของสารที่ใช้ บริเวณที่ฉีด ปริมาณที่ต้องใช้ในแต่ละครั้ง และสถานพยาบาลที่ให้บริการ โดยสามารถแบ่งราคาเฉลี่ยตามประเภทของการฉีดและบริเวณที่นิยมได้ดังนี้
1. แบ่งราคาตามประเภทของสารที่ใช้
-
เมโสแฟต (Meso Fat)
-
- ราคาเฉลี่ย: 3,000 – 10,000 บาทต่อครั้ง
- เหมาะสำหรับลดไขมันในจุดเล็กๆ เช่น แก้ม ต้นแขน หน้าท้อง
- มีข้อสังเกต คือ อาจต้องฉีดหลายครั้ง (3-5 ครั้ง) เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
-
Aqualyx
-
- ราคาเฉลี่ย: 10,000 – 25,000 บาทต่อครั้ง
- เหมาะสำหรับลดไขมันในจุดที่มีไขมันสะสมมาก เช่น หน้าท้อง สะโพก
- นิยมใช้สำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมปริมาณมาก
-
Kybella
-
- ราคาเฉลี่ย: 20,000 – 50,000 บาทต่อครั้ง
- เหมาะสำหรับลดไขมันบริเวณใต้คาง (Double Chin)
- ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงคางโดยเฉพาะ
-
Lipodissolve
-
- ราคาเฉลี่ย: 5,000 – 15,000 บาทต่อครั้ง
- เหมาะสำหรับลดไขมันพร้อมกระชับผิว เช่น หน้าท้อง แก้ม ต้นขา
- อาจต้องใช้เวลานานกว่าเมโสแฟตจนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
2. แบ่งราคาตามบริเวณที่ฉีดสลายไขมัน
-
แก้ม
-
หน้าท้อง
-
- ราคาเฉลี่ย: 5,000 – 20,000 บาทต่อครั้ง
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมในบริเวณพุงหรือเอว
-
ต้นแขนหรือต้นขา
-
- ราคาเฉลี่ย: 8,000 – 15,000 บาทต่อครั้ง
- เหมาะสำหรับการกระชับรูปร่างและลดไขมันในจุดที่ลดยาก
-
ใต้คาง
-
- ราคาเฉลี่ย: 10,000 – 30,000 บาทต่อครั้ง
- เหมาะสำหรับปรับรูปทรงคางให้ดูเรียวและกระชับ
ฉีดสลายไขมันได้ผลจริงไหม ควรเลือกคลินิกอย่างไรเพื่อผลลัพธ์ที่ตรงใจ
การฉีดสลายไขมันสามารถให้ผลลัพธ์ได้จริง และหากถามว่าฉีดสลายไขมัน กี่วันเห็นผล คำตอบก็คือ โดยทั่วไป เฉลี่ยราวๆ 7-14 วัน หลังการฉีด ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น
- ปริมาณไขมันในบริเวณที่ฉีด – หากมีไขมันสะสมในปริมาณไม่มาก การฉีดจะช่วยลดไขมันส่วนเกินได้ดี แต่สำหรับผู้ที่มีไขมันมาก อาจต้องทำหลายครั้งหรือควรพิจารณาหัตถการอื่นร่วมด้วย
- ประเภทของสารที่ใช้ – สารที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน เช่น เมโสแฟต (Meso Fat), Aqualyx หรือ Kybella จะมีประสิทธิภาพในการลดไขมันเฉพาะจุดได้ดีกว่า
- ความชำนาญของแพทย์ – แพทย์ที่มีประสบการณ์สามารถเลือกจุดและปริมาณการฉีดที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเป็นธรรมชาติ
- การดูแลตัวเองหลังฉีด – การดื่มน้ำมากๆ ออกกำลังกายเบาๆ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงจะช่วยให้ผลลัพธ์ชัดเจนและยาวนาน
การฉีดสลายไขมันอันตรายไหม เตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีด
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น การฉีดสลายไขมันถือว่ามีความปลอดภัยสูง หากดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และใช้ตัวยาที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อย. (ประเทศไทย) หรือ FDA (สหรัฐฯ) อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงบางประการที่ควรทราบ เช่นเดียวกับการทำหัตถการความงามอื่นๆ อาทิ อาการบวม แดง หรือช้ำบริเวณที่ฉีดในช่วง 1-3 วันหลังฉีด และจะค่อยๆ ลดลงเองหรืออาจมีอาการคันหรือระคายเคืองผิวหนัง ซึ่งมักเป็นเพียงชั่วคราว
แล้วถึงแม้จะมีโอกาสน้อย แต่ในบางรายที่มีประวัติการแพ้ยาหรือสารที่ใช้ อาจเกิดอาการเกิดแพ้รุนแรง เช่น หายใจลำบาก ผื่นแดงทั่วร่างกาย หรือเวียนศีรษะ หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการรักษาทันที
สุดท้าย เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการฉีดไขมัน ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงสถานพยาบาลที่ไม่ได้รับการรับรอง หรือบุคคลที่ไม่มีความเชี่ยวชาญอย่างแพทย์กระเป๋า จะเป็นการดีที่สุด
เตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีดสลายไขมัน
การเตรียมตัวที่เหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพของการฉีดสลายไขมัน คำแนะนำในการเตรียมตัวมีดังนี้
1. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ควรปรึกษาแพทย์ล่วงหน้า เพื่อประเมินสภาพร่างกายและความเหมาะสมของการฉีด รวมถึงแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือยาที่กำลังใช้อยู่ เช่น ยาละลายลิ่มเลือด เนื่องจากอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ของหัตถการ
2. หลีกเลี่ยงยาหรือสารบางชนิด
งดการใช้ยาแอสไพริน ยาแก้อักเสบ หรืออาหารเสริมที่มีส่วนผสมของน้ำมันปลา วิตามินอี หรือโสม ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดอาการบวมช้ำ หรือหายช้าลง
3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยกระตุ้นการขับไขมันออกจากร่างกายผ่านระบบน้ำเหลือง ซึ่งจะช่วยให้สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
4. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่อาจลดประสิทธิภาพของกระบวนการเผาผลาญไขมัน และอาจทำให้อาการบวมหรืออักเสบหลังฉีดหายช้าลง
5. ปฏิบัติตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด
เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น คนไข้จึงควรปรึกษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากมีข้อกังวลหรือคำถามใดๆ ก็ควรถามให้ละเอียดก่อนเริ่มกระบวนการ
และนี่ก็คือทุกสิ่งที่ผู้ที่สนใจการฉีดสลายไขมันควรรู้ก่อนเข้ารับกระบวนการที่วันนี้ Anna Clinic นำมาฝากกัน จะเห็นได้ว่าโดยรวมแล้ว การฉีดสลายไขมันมีความปลอดภัย เป็นที่นิยม และมีราคาที่จับต้องได้พอประมาณเลยทีเดียว
ใครที่กำลังมองหาคลินิกฉีดสลายไขมันที่ดี อย่าลืมนึกถึง Anna Clinic หนึ่งในผู้ให้บริการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการปรับรูปหน้า รูปร่าง และผิวพรรณอย่างตรงจุดที่สุดในประเทศไทย
ลดเหนียง ลดคางสองชั้นแบบเห็นผลที่ Anna Clinic
แพทย์ประจำ Anna Clinic คือ ผู้เชี่ยวชาญในการปรับรูปหน้า รูปร่าง และผิวพรรณ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดเมโสแฟต โบท็อกซ์ ฉีดโบลดริ้วรอย หรือยกกระชับใบหน้าด้วยเครื่องอัลเทอร่า และหัตถการด้านความงามอื่นๆ
มั่นใจและปลอดภัยกว่า เพราะ Anna Clinic เลือกใช้ตัวยาแท้และอุปกรณ์การแพทย์ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองมาตรฐานจากอย. พร้อมดูแลทุกปัญหาและให้คำปรึกษา หากสนใจหรือต้องการคำปรึกษา สามารถติดต่อ Anna Clinic ผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้
โทร. 063-556-2626 หรือ LINE @annaclinic
อย่าลืมติดตามเราบน Social Media เพื่อติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ๆ
Facebook: Anna Clinic
Instagram: annaclinic
YouTube: Anna Clinic Official
TikTok: annaclinic