ปัญหาความหย่อนคล้อยไม่เพียงทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดปัญหากรอบหน้าไม่ชัดตามมาด้วย โดยเฉพาะความหย่อนคล้อยบริเวณแก้มช่วงล่างและลำคอ ซึ่งโบท็อกลิฟกรอบหน้าเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมใช้เพื่อแก้ปัญหากรอบหน้าไม่ชัดจากความหย่อนคล้อย เนื่องจากเห็นผลได้รวดเร็ว และประหยัดงบประมาณได้มากกว่า เมื่อเทียบกับอัลเทอร่าหรือเทอร์มาจ
โบลิฟกรอบหน้า คืออะไร ?
โบท็อกลิฟกรอบหน้า คือ การฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin type A) หรือโบท็อกซ์ (Botox) เข้าไปที่ผิวหนังชั้นตื้นบริเวณกรอบหน้า หรือกล้ามเนื้อบริเวณใต้คางและลำคอ โดยแบ่งเป็น 2 เทคนิคหลัก คือ
1. Dermo Lift
การฉีดโบท็อกซ์เข้าไปที่ผิวหนังชั้นตื้นบริเวณกรอบหน้า และไล่ขึ้นไปตามแนวศีรษะ เพื่อให้เซลล์ผิวหนังหดตัว และกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ส่งผลให้ผิวดูยกกระชับ เต่งตึง และเห็นกรอบหน้าได้ชัดขึ้น ซึ่งเหมาะกับปัญหากรอบหน้าไม่ชัดที่มีสาเหตุมาจากเซลล์ผิวเสื่อมสภาพตามวัย และผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงจนทำให้ผิวหย่อนคล้อย
2. Nefertiti Lift
การฉีดโบท็อกซ์เข้าไปที่กล้ามเนื้อบริเวณกราม ใต้คาง หรือลำคอ เพื่อให้กล้ามเนื้อที่ดึงใบหน้าลงจนดูหย่อนคล้อยเริ่มคลายตัวและอ่อนแรง ในขณะที่กล้ามเนื้อส่วนบนของใบหน้ายังทำหน้าที่ดึงใบหน้าอยู่ตามปกติ ส่งผลให้ใบหน้าดูยกกระชับขึ้น แก้มไม่หย่อนคล้อย และเห็นกรอบหน้าได้ชัดเจนขึ้น
โดยปกติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการวิเคราะห์ และแนะนำเทคนิคฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าที่เหมาะสม ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความยืดหยุ่นของผิว ปัญหาที่ต้องการแก้ไข โครงสร้างใบหน้า และอื่นๆ
โบท็อกลิฟกรอบหน้า ช่วยอะไร ?
นอกจากจะช่วยให้กรอบหน้าดูชัดขึ้น การฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้ายังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีก อาทิ
1. ใบหน้าดูเรียวสวยได้รูป
ในบางกรณีปัญหาหน้าบานเกิดจากผิวบริเวณช่วงล่างของใบหน้าที่หย่อนคล้อย เมื่อผิวส่วนนี้ยกกระชับขึ้น ภาพรวมของใบหน้าจะดูเรียวสวยได้รูปขึ้นตามไปด้วย
2. ลดปัญหาเหนียงเยอะและหนังคอหย่อน
ปัญหาเหนียงเยอะไม่ได้เกิดจากไขมันส่วนเกินสะสมเท่านั้น แต่ยังเกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณคอที่ดึงให้ผิวบริเวณดังกล่าวดูหย่อนคล้อย และทำให้มีปัญหาหนังคอหย่อนร่วมด้วย ซึ่งการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าจะทำให้เหนียง และลำคอดูยกกระชับขึ้น
3. มุมปากตก
อาการมุมปากตกที่เกิดจากผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น หรือกล้ามเนื้อบนใบหน้าบริเวณส่วนบนอ่อนแรงสามารถแก้ได้ด้วยการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวกลับมายืดหยุ่นมากขึ้น และลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณที่ดึงผิวให้หย่อนคล้อย
อย่างไรก็ตาม ควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าร่วมกับปัญหาที่ต้องการแก้ไข เพื่อแนะนำเทคนิคการฉีดโบท็อกลิฟท์กรอบหน้าที่เหมาะสม หรือหัตถการอื่นๆ ที่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
ยกตัวอย่างกรณีที่ปัญหากรอบหน้าไม่ชัดเกิดจาก 2 สาเหตุร่วมกัน คือ ใบหน้าส่วนล่างหย่อนคล้อย และกล้ามเนื้อบริเวณกรามมีขนาดใหญ่ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาจแนะนำให้ฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าร่วมกับโบท็อกลดกราม
โบลิฟกรอบหน้า กี่วันเห็นผล ?
หลังฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ 20-30% หลังฉีดเสร็จทันที และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 1 – 2 สัปดาห์ โดยผิวบริเวณกรอบหน้าจะเริ่มตึงและกระชับ ส่งผลให้เห็นแนวกรอบหน้าชัดเจนขึ้น
Botox ลิฟกรอบหน้า อยู่ได้กี่เดือน ?
โบท็อกลิฟกรอบหน้าสามารถอยู่ได้นานหลักเดือน โดยแตกต่างกันออกไปตามเทคนิคที่ฉีด ดังนี้
1. Dermo Lift
เทคนิคนี้จะคงผลลัพธ์ได้นานประมาณ 3 – 4 เดือน เนื่องจากเป็นการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปยังผิวหนังชั้นตื้น
2. Nefertiti Lift
เทคนิคนี้จะคงผลลัพธ์ได้นานประมาณ 4 – 6 เดือน เพราะเป็นการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปที่กล้ามเนื้อโดยตรง
ทั้งนี้ ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้ายังขึ้นอยู่กับการดูแลตนเอง ปัจจัยส่วนบุคคล ปริมาณ และยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ใช้ด้วย โดยปกติแพทย์จะฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าข้างละไม่เกิน 50 ยูนิต เพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
ข้อเสียของการลิฟหน้า ด้วยโบท็อกปลอม
การฉีดลิฟกรอบหน้าด้วยโบท็อกซ์แท้มีโอกาสแพ้ต่ำมาก เนื่องจากตัวยามีความบริสุทธิ์สูง โดยสามารถกลับมาฉีดซ้ำได้หากต้องการคงผลลัพธ์เอาไว้ แต่การฉีดลิฟกรอบหน้าด้วยโบท็อกซ์ปลอมมีข้อเสียที่อันตรายหลายประการ อาทิ
1. ฉีดแล้วไม่เห็นผล
โบท็อกซ์ปลอมออกฤทธิ์ได้ไม่เทียบเท่ากับโบท็อกซ์แท้ โดยผลลัพธ์หลังฉีดอาจสั้นกว่า หรือไม่เห็นผลเลย
2. เสี่ยงแพ้
โบท็อกซ์ปลอมมีความบริสุทธิ์ต่ำ โดยทำให้มีโอกาสแพ้สูง ซึ่งมีอาการบวมแดง ไข้ อ่อนเพลีย และมีผื่นคันบริเวณที่ฉีด เป็นต้น
3. ดื้อโบท็อกซ์
โบท็อกปลอมทำให้เสี่ยงต่ออาการดื้อโบท็อกซ์ ซึ่งเป็นอาการที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ หากฉีดโบท็อกกับแพทย์ที่ไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ หรือไม่ใช่แพทย์เฉพาะทาง หลังฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าอาจมีอาการปากเบี้ยว หนังตาตก หรือไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้ตามปกติ ซึ่งเกิดจากโบท็อกซ์ไหลไปผิดจุด
ลิฟกรอบหน้า ข้อห้ามหลังฉีดมีอะไรบ้าง?
หลังฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าควรดูแลตนเองตามที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยมีข้อห้าม ดังนี้
1. ไม่ถู จับ หรือแกะเกาบริเวณที่ฉีด
การถู จับ หรือแกะเกาบริเวณที่ฉีดจะทำให้อาการบวมช้ำหายช้า และเสี่ยงต่อการอักเสบ เนื่องจากติดเชื้อแบคทีเรีย
2. งดนอนราบ 3 – 4 ชั่วโมง
การนอนราบหลังฉีดโบท็อกอาจทำให้โบท็อกซ์ไหลไปผิดตำแหน่ง และทำให้มีปัญหาหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว และหนังตาตกตามมา
3. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้เลือดสูบฉีดมากกว่าปกติ ซึ่งทำให้อาการบวมช้ำหายช้าลง ดังนั้นจึงควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 – 3 วัน
หลังฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า บางคนอาจมีรอยช้ำจากเข็ม หรืออาการบวมเล็กน้อย ซึ่งสามารถหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์ แต่หากมีอาการผิดปกตินอกเหนือจากนี้ แนะนำให้เข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที
สิ่งสำคัญของการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า คือ การเลือกคลินิกเสริมความงามที่น่าเชื่อถือ โดยใช้โบท็อกซ์แท้ที่สามารถตรวจสอบได้ อุปกรณ์ทางการแพทย์สะอาดและได้มาตรฐาน และดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้ากับ Anna Clinic
แพทย์ประจำ Anna Clinic คือ ผู้เชี่ยวชาญในการปรับรูปหน้า รูปร่าง และผิวพรรณ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า และหัตถการด้านความงามอื่นๆ อีกทั้ง Anna Clinic ยังเลือกใช้ตัวยาแท้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานอย. และดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้ เรายังเป็นผู้เชี่ยวชาญในหัตถการด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นฉีดโบท็อกซ์ ฉีดโบท็อกหน้าเรียว โบท็อกลดกราม หรือยกกระชับใบหน้าด้วยอัลเทอร่า
หากสนใจปรับรูปหน้าให้หรือต้องการคำปรึกษา สามารถติดต่อ Anna Clinic ผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้
โทร. 063-556-2626 หรือ LINE @annaclinic
อย่าลืมติดตามเราบน Social Media เพื่อติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ๆ
Facebook: Anna Clinic
Instagram: annaclinic
YouTube: Anna Clinic Official
TikTok: annaclinic