>

ปรับรูปหน้าด้วยอัลเทอร่า (Ulthera) หรือ เทอร์มาจ (Thermage) แบบไหนดีล่ะ?

ปรับรูปหน้าด้วยอัลเทอร่า (Ulthera) หรือ เทอร์มาจ (Thermage) แบบไหนดีล่ะ?

Anna Clinic SEO SEP C04 1

ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนใบหน้าเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็หลีกเลี่ยงไม่พ้น เนื่องด้วยมลภาวะที่มีทั้งฝุ่นและแสงแดด ประกอบกับตัวเลขของอายุที่เพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งริ้วรอย ความหย่อนคล้อย ร่องลึกที่ดูแต่จะลึกและชัดเจนขึ้น รวมไปถึงคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวที่น้อยลงไปเรื่อยๆ การจะใช้ครีมหรือเซรั่มบำรุงต่างๆ ก็อาจทำได้เพียงแค่ชะลอหรือป้องกันไม่ให้ปัญหาซับซ้อนมากกว่าเดิมเท่านั้น

ใครๆ ที่อยากปรับรูปหน้าคงเคยได้ยินเกี่ยวกับ “อัลเทอร่า (Ulthera)” หรือ “เทอร์มาจ (Thermage)” กันมาบ้าง ทั้งสองเป็นวิธีการที่จะช่วยยกกระชับหน้าที่เป็นที่พูดถึงกันอย่างมาก ซึ่งด้วยวิธีการคล้ายคลึงกันของทั้งสองนั้น อาจทำให้หลายคนสับสนสุดๆ เลือกไม่ถูกว่าจะทำแบบไหนดีกว่ากัน แต่ไม่ต้องกังวลไป Anna Clinic จะมาอธิบายถึงความแตกต่างของหัตถการสองประเภทนี้กัน เพื่อช่วยให้ใครที่ยังกำลังชั่งใจอยู่ตัดสินใจเลือกได้อย่างเหมาะสมที่สุด

มาเริ่มต้นกันที่อัลเทอร่า (Ulthera) กันเลย

 

อัลเทอร่า (Ulthera) เป็นหัตถการยกกระชับแบบไหน?

เมื่อพูดถึงอัลเทอร่า หลายคนคงคุ้นเคยกับเครื่องที่มีหน้าจอและหัวยิงที่แพทย์ในคลินิกใช้งานหรืออาจได้เห็นตามโฆษณากันมาบ้างแล้ว ซึ่งเทคโนโลยีอัลเทอร่า หรือ Ultherapy จะใช้ High Intensity Focused Ultrasound คลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูงแบบเฉพาะจุด ยิงเข้าไปยังชั้นผิวหนัง SMAS ที่เป็นชั้นลึกชั้นเดียวกันกับที่แพทย์ศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้านั่นเอง

คลื่นอัลตราซาวด์ที่เข้าไปยังผิวหนังจะก่อให้เกิดจุดพลังงานความร้อนขนาด 1 มม. มีลักษณะเป็นจุดไข่ปลาเล็กๆ และมีอุณหภูมิประมาณ 60 – 70 องศาเซลเซียส กระตุ้นให้ผิวเกิดการหดตัว สร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่ และผิวจะค่อยๆ เต่งตึงขึ้นตามธรรมชาติ จึงลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยได้นั่นเอง ซึ่งสามารถทำได้หลายจุดบนใบหน้าไม่ว่าจะเป็นกรอบหน้า ใต้คาง ลำคอ เหนียง หรือรอบดวงตาและใต้ตา พูดได้ว่ายกกระชับหน้าได้อย่างล้ำลึกและครอบคลุมโดยไม่ต้องผ่าตัดแม้แต่ครั้งเดียว

ทั้งนี้ที่ Anna Clinic มีบริการปรับรูปหน้าด้วยอัลเทอร่า โดยเครื่องของเรามีหัวยิงใช้งาน 2 ระดับความลึก ได้แก่

  • 1.หัวยิงระดับความลึก 3.0 มม. – เหมาะกับการใช้งานกับผิวชั้นไขมัน (คอลลาเจนแนวตั้ง) ช่วยแก้ปัญหาบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา และกระชับชั้นไขมัน
  • 2.หัวยิงระดับความลึก 4.5 มม. ใช้งานกับผิวชั้นกล้ามเนื้อหรือชั้น SMAS (คอลลาเจนแนวนอน) สามารถช่วยยกกระชับแก้ม เหนียง และลำคอ

หากถามว่า “ทำ Ulthera เห็นผลกี่เดือน?” ต้องบอกว่าคนไข้สามารถเห็นผลได้ทันที 20% หลังทำเสร็จทันที และผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ภายใน 1 – 3 เดือน อีกทั้งผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 1 – 2 ปีเลยทีเดียว

 

เทอร์มาจ (Thermage) ใช้เทคโนโลยีอะไร?

พอมาดูการทำเทอร์มาจหลายคนอาจเกิดการสับสนอยู่บ้าง เพราะหากดูแบบผิวเผินตัวเครื่องอาจจะดูเหมือนกัน มีเครื่องยิงพลังงานคล้ายกัน แต่จริงๆ แล้วเทอร์มาจนั้นใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน โดย Thermage จะใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงเรียกว่า Monopolar Radio Frequency ยิงเข้าไปในผิวหนังชั้นในเป็นวงกว้าง

พลังงานที่ออกมาจากเครื่องจะมีลักษณะเป็นก้อนความร้อน (Column) ที่ขนาด 3 – 16 ตารางเซนติเมตร (cm2) จึงครอบคลุมพื้นที่ได้ดี ใช้ได้กับบนใบหน้าและเหนียง ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสติน ยกกระชับหน้าให้แน่นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นได้

เครื่องเทอร์มาจนั้นเป็นเทคโนโลยีที่ออกมาก่อนอัลเทอร่า แต่ก็ได้มีการพัฒนารุ่นใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Thermage CPT หรือ Thermage FLX ที่เป็นสองรุ่นล่าสุด นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งหัวยิงออกเป็น 4 แบบ สำหรับใช้ในบริเวณที่ต่างกันไป ดังนี้

  • Thermage Total Tip 3 cm2 – หัวยิงสีฟ้า เหมาะสำหรับทำที่ใบหน้า เหนียง และลำคอ
  • Thermage Total Tip 4 cm2 – หัวยิงสีม่วง ใช้สำหรับยิงพลังงานบริเวณใบหน้า เหนียง และลำคอ ซึ่งเป็นรุ่นที่พัฒนามาจาก Total Tip 3 cm2 จึงใช้เวลาในการทำน้อยลง 25% และมีความแม่นยำมากขึ้น
  • Thermage Eye Tip 0.25 cm2 – หัวยิงสีเขียว ใช้กับบริเวณเปลือกตาและรอบดวงตา
  • Thermage Body Tip 16 cm2 – หัวยิงสีส้มที่จะใช้กับบริเวณที่ไม่ใช่ใบหน้าอย่าง ลำตัว แขน ขา และหน้าท้อง

เท่านี้ก็คงจะทราบถึงความแตกต่างในเบื้องต้นของการทำอัลเทอร่าและเทอร์มาจกันแล้ว แต่ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ มาลองดูข้อเปรียบเทียบระหว่างเทคโนโลยียกกระชับทั้งสองรูปแบบนี้เลย

 

เปรียบเทียบอัลเทอร่า (Ulthera) กับ เทอร์มาจ (Thermage)

ปรับรูปหน้าด้วยอัลเทอร่า (Ulthera) หรือ เทอร์มาจ (Thermage) แบบไหนดีล่ะ?

อัลเทอร่า (Ulthera)

  • ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูงในการส่งพลังงานความร้อนแบบเฉพาะจุด (High Intensity Focused Ultrasound) ที่อุณหภูมิ 60 – 70 องศาเซลเซียส
  • ปล่อยพลังงานลงลึกกว่าเทคโนโลยีอื่น ไปถึงชั้น SMAS
  • สามารถยกกระชับรอบดวงตา กรอบหน้า และผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด พร้อมผ่านการรับรองจาก อย. ไทยและสหรัฐอเมริกา
  • เหมาะกับผู้ที่มีขั้นไขมันน้อย แต่มีเหนียง ผิวหย่อนคล้อย หรือมีริ้วรอยฝังลึกจำนวนมาก
  • ใช้เวลาทำครั้งละ 1 – 2 ชั่วโมง ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1 – 2 ปี

เทอร์มาจ (Thermage)

  • ใช้คลื่นความถี่วิทยุ (Monopolar RF) ในการส่งผ่านพลังงานความร้อนในอุณหภูมิ 45 – 47 องศาเซลเซียส
  • ปล่อยพลังงานเป็นวงกว้างลึกลงไปถึงผิวหนังชั้นในหรือหนังแท้ (Dermis) และเนื้อเยื่อชั้นใต้ผิว (Subcutaneous Tissue)
  • สามารถยกกระชับรอบดวงตา ยกกรอบหน้าและรุขุมขนให้กระชับขึ้น ลดแก้มและเหนียงได้
  • เหมาะกับผู้ที่มีชั้นไขมันเยอะ มีเหนียง ใบหน้าไม่สดใส และต้องการลดไขมันบนใบหน้า
  • ใช้เวลาทำครั้งละ 1 – 2 ชั่วโมง ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1 – 2 ปี

ถ้าให้พูดง่ายๆ ก็บอกได้ว่าอัลเทอร่านั้นเหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอย ร่องลึก แต่มีไขมันใต้ชั้นผิวน้อย ส่วนเทอร์มาจนั้นจะเหมาะกับผู้ที่มีไขมันเยอะ และมีใบหน้าไม่สดใสนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์ประเมินว่าใบหน้าของเราในตอนนี้เหมาะกับวิธียกกระชับแบบไหนมากที่สุด จึงสามารถปรับรูปหน้าได้อย่างเหมาะสม ดูดีเป็นธรรมชาติในแบบของตัวเอง ถ้าอยากปรับรูปหน้าด้วย Ulthera แล้วละก็ เข้ามาปรึกษา Anna Clinic ได้เลย

 

Anna Clinic ผู้เชี่ยวชาญในการปรับรูปหน้า

Anna Clinic คือผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้า ผู้เชี่ยวชาญของเรามีประสบการณ์การทำหัตถการมากกว่า 10 ปี โดยแพทย์จะเป็นผู้คอยดูแลในทุกขั้นตอนของการปรับรูปหน้า จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับการบริการที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน ด้วยเครื่องอัลเทอร่าแท้นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีใบรับรองสามารถตรวจสอบได้ เห็นผลลัพธ์ความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ได้รูปหน้าสวยเป็นธรรมชาติแน่นอน

หากสนใจทำอัลเทอร่าสามารถติดต่อ Anna Clinic ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้า ผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้

เบอร์โทรศัพท์ 063-556-2626 หรือ LINE @annaclinic

ติดตามเราบน Social Media เพื่อไม่พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ๆ

Facebook: Anna Clinic

Instagram: annaclinic