ปัจจุบันมีหัตถการหลายรูปแบบที่สามารถช่วยยกกระชับใบหน้า และทำให้ผิวหน้าดูเด็กลงอย่างเห็นผล โดยหนึ่งการรักษาที่เป็นที่นิยมก็คือ การร้อยไหม ซึ่งเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด และด้วยเทคนิคการร้อยไหมที่ทันสมัย ทำให้ใช้เวลาไม่นานและเห็นผลลัพธ์ชัดเจนทันทีหลังทำ
หากมีคำถามว่า ร้อยไหมคืออะไร มีข้อดีอย่างไร ช่วยเรื่องใดบ้าง วันนี้ Anna Clinic ได้รวบรวมคำตอบที่หลายคนสงสัยมาไว้ในบทความนี้แล้ว
ร้อยไหม คืออะไร?
ร้อยไหม คือ หัตถการที่ใช้เข็มพิเศษนำเส้นไหมละลายสอดเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง มีจุดประสงค์เพื่อยกกระชับผิวบริเวณที่มีความหย่อนคล้อย โดยเส้นไหมที่ใช้จะมีเงี่ยงคล้ายตะขอ ทำหน้าที่เกี่ยวและยกผิวให้กระชับขึ้น การทำงานของเส้นไหมจะเริ่มตั้งแต่ที่แพทย์ร้อยไหมเข้าไปในชั้นผิว โดยเงี่ยงของไหมจะทำหน้าที่เกี่ยวยึดเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง และดึงให้เกิดการยกกระชับขึ้นในทันที นอกจากนี้ ตัวเส้นไหมยังกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน (Collagen) และอิลาสติน (Elastin) ตามธรรมชาติ ส่งผลให้คนไข้เห็นความแตกต่างทันทีหลังทำ อีกทั้งยังช่วยให้ผิวกระชับขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การร้อยไหมจะเน้นในเรื่องของการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย จึงเป็นที่นิยมในการแก้ปัญหาต่างๆ เช่น ร้อยไหมหน้าเรียวหรือยกหน้า ยกร่องแก้ม ยกหางตา ร้อยไหมจมูก ลดเหนียง และอื่นๆ อีกมากมาย
ร้อยไหมมีกี่ประเภท?
“ไหม” ที่ใช้ในการร้อยไหมนั้นมีหลากหลายประเภท ทั้งนี้สามารถจำแนกออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ ไหมยกกระชับและไหมกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งมีความแตกต่างกัน ดังนี้
1. ไหมยกกระชับ (Lifting Threads)
ไหมประเภทนี้มีเงี่ยงพิเศษตามเส้นไหมที่ออกแบบมาเพื่อการยกกระชับโดยเฉพาะ แบ่งย่อยได้ดังนี้
- ไหมเงี่ยงแบบหล่อ (Molding): มีความแข็งแรงสูง เหมาะสำหรับการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยมาก
- ไหมเงี่ยงแบบตัด (Cutting): มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการปรับรูปหน้าให้เรียว
- ไหมเงี่ยง 360 องศา: มีเงี่ยงรอบเส้นไหม ให้การยกกระชับรอบทิศทาง
2. ไหมกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen-Stimulating Threads)
ไหมประเภทนี้เน้นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว มีลักษณะดังนี้:
- ไหมเรียบ (Mono Threads): ไม่มีเงี่ยง ใช้สำหรับกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวโดยตรง
- ไหมตาข่าย (Mesh): สร้างโครงข่ายใต้ผิว เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนพร้อมเพิ่มความแน่นกระชับ
- ไหมเกลียว (Screw): มีลักษณะเป็นเกลียว เพิ่มพื้นที่การกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนังมากขึ้น
ร้อยไหมมีข้อดีข้อเสียอย่างไร?
การร้อยไหมเป็นทางเลือกยอดนิยมในการยกกระชับใบหน้า แต่ก็มีทั้งข้อดีที่น่าสนใจและข้อจำกัดที่ควรรู้ เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการและปัญหาที่มีอยู่
ร้อยไหมมีข้อดีอะไรบ้าง
- เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำหัตถการ ใบหน้ากระชับและเรียวขึ้นชัดเจน
- ไม่ต้องผ่าตัด ลดความเสี่ยงจากการดมยาสลบ
- ใช้เวลาพักฟื้นน้อย สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็ว
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวเต่งตึงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย พร้อมลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า
- สามารถปรับรูปหน้าให้เรียว กรอบหน้าชัดขึ้น และสร้างมิติให้ใบหน้า
- เสริมสร้างความมั่นใจด้วยใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์
ร้อยไหมมีข้อเสียอะไรบ้าง
- คนไข้อาจมีอาการบวม ช้ำ ในช่วง 7-14 วันแรกหลังทำ
- ผลลัพธ์ไม่คงอยู่ถาวร จำเป็นต้องทำซ้ำเมื่อเส้นไหมละลาย
- อาจเกิดรอยบุ๋ม หรือเห็นลำเส้นแนวไหมหากร้อยในระดับตื้นเกินไป หรือร้อยกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์
ร้อยไหมเหมาะกับใคร?
การยกกระชับผิวด้วยการร้อยไหมยกหน้านั้นสามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป และเหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ โดยเฉพาะบริเวณแก้ม เหนียง และกรอบหน้า ส่วนใครที่อยากทำให้รูปหน้าเรียว (V-Shape) แต่ไม่ต้องการผ่าตัดก็สามารถร้อยไหมได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การร้อยไหมนั้นไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหนังอักเสบหรือติดเชื้อในบริเวณที่อยากร้อยไหม หรือมีไขมันบนใบหน้าเยอะ เคยฉีดสารเหลวในบริเวณที่อยากร้อยไหม แก้มตอบ ผิวบาง ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยง โดยแพทย์จะประเมินสภาพใบหน้าของแต่ละบุคคล พร้อมแนะนำหัตถการที่เหมาะสมต่อไป
ร้อยไหมต้องพักฟื้นกี่วัน?
หลังทำหัตถการ ร้อยไหม จะใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 7-14 วัน โดยมีข้อปฏิบัติในแต่ละช่วงเวลา ดังนี้
ช่วง 1-3 วันแรก
อาจมีอาการบวมบริเวณที่ร้อยไหม แนะนำให้ประคบเย็น นอนหงาย หรือยกศีรษะสูงขณะนอน เพื่อลดอาการบวม
ช่วง 7-14 วัน
ควรหลีกเลี่ยงการนวดหน้า และการทำทรีตเมนต์หรือหัตถการอื่นๆ บนใบหน้า หลีกเลี่ยงการขยับใบหน้าแรงๆ เช่น อ้าปากกว้าง หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือตะแคง และควรระวังการกดทับบริเวณที่ร้อยไหม อีกทั้งควรงดอาหารรสจัด ของหมักดอง แอลกอฮอล์ รวมถึงหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ
ช่วง 1 เดือนหลังทำ
สามารถกลับมาทำกิจกรรมประจำวันได้ตามปกติ ทั้งนี้ควรดูแลผิวและทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ พร้อมปฏิบัติตามแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด
ร้อยไหม อยู่ได้นานไหม?
ผลลัพธ์ของการร้อยไหมจะอยู่ได้ตั้งแต่ 4 เดือนไปจนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ทั้งชนิดของไหมที่ใช้ เช่น PDO (Polydioxanone) สามารถประคองผิวได้ 8 – 12 เดือน PLLA (Polylactate) สามารถคงอยู่ได้ราวๆ 18-24 เดือน ส่วน PCL (Polycaprolactone) สามารถคงอยู่ได้ประมาณ 1 ปี จำนวนเส้นไหมที่ใช้ และการดูแลตัวเองหลังทำหัตถการ
อีกทั้ง ปัจจัยจากสภาพผิวและอายุของคนไข้ก็มีผลต่อความคงทนของการร้อยไหม ผู้ที่มีผิวบอบบางหรืออายุมากอาจมีผลลัพธ์ที่อยู่ได้สั้นกว่า เนื่องจากความยืดหยุ่นของผิวและการสร้างคอลลาเจนที่ลดลง ในขณะที่ผู้ที่มีผิวหนาปานกลางและอายุน้อยกว่าอาจเห็นผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่า
นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพโดยรวมก็มีส่วนสำคัญ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเพียงพอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำร้ายผิว เช่น แสงแดดจัด หรือมลภาวะ จะช่วยให้ผิวแข็งแรงและรักษาผลลัพธ์จากการร้อยไหมได้ยาวนานขึ้น หากต้องการรักษาผลลัพธ์ในระยะยาว อาจจำเป็นต้องทำซ้ำทุก 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล
ร้อยไหม ราคาเท่าไหร่?
ราคาร้อยไหมจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ ชนิดของไหม วัสดุ และจำนวนเส้นไหมที่ต้องใช้ในการรักษา รวมไปถึงโปรโมชันต่างๆ ที่แต่ละคลินิกนำเสนออีกด้วย แนะนำว่าควรขอเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ประจำคลินิก เพื่อประเมินสาเหตุของปัญหา และวิธีแก้ไขที่เหมาะสม ซึ่งนอกจากการร้อยไหมแล้ว แพทย์อาจแนะนำให้ทำหัตถการอื่นๆ ร่วมด้วย
โปรแกรมร้อยไหมจาก Anna Clinic ยกกระชับผิว คืนผิวอ่อนเยาว์
แพทย์ประจำ Anna Clinic คือ ผู้เชี่ยวชาญในการปรับรูปหน้า รูปร่าง และผิวพรรณ โดยโปรแกรมร้อยไหมที่แอนน่า คลินิก มีด้วยกัน 2 โปรแกรม คือ ร้อยไหมล็อค 360° องศา และ ร้อยไหม APTOS
ร้อยไหมล็อค 360° องศา
โปรแกรมไหมล็อค 360° องศา ใช้เส้นไหมชนิด PDO Barb ยอดขายอันอับ 1 ในเกาหลี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังอย่างเป็นธรรมชาติตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 หลังทำ ปลอดภัย ผ่านการรับรองจาก อย. ประเทศไทยและเกาหลี สามารถเห็นผลทันที 20% หลังทำ ผลลัพธ์คงอยู่ได้ 8 – 12 เดือน เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้หน้าเรียวเล็ก กระชับ กรอบหน้าชัดเจน หรือมีปัญหาความหย่อนคล้อยจากอายุที่มากขึ้น
ร้อยไหม APTOS
โปรแกรมร้อยไหม APTOS ใช้เส้นไหมชนิดผสม คือ PLA (75%) และ PCL + HA (25%) ไหมตัวแรกและตัวเดียวในโลกที่มี HA ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพิ่มความชุ่มชื้น และลดการอักเสบ ทำให้หลังร้อยไหมมีอาการบวมน้อย เมื่อเทียบกับไหมก้างปลาแบบอื่นๆ มั่นใจถึงความปลอดภัย เพราะผ่านการรับรองจาก อย. ประเทศไทย เกาหลี อเมริกา และ CE Mark จากยุโรป สามารถเห็นผลทันที 20% หลังทำ และสามารถคงอยู่ได้ยาวนานถึง 20 – 24 เดือน
มั่นใจและปลอดภัยกว่า เพราะ Anna Clinic เลือกใช้ตัวยาแท้และอุปกรณ์การแพทย์ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองมาตรฐานจากอย. พร้อมดูแลทุกปัญหาและให้คำปรึกษา หากสนใจหรือต้องการคำปรึกษา สามารถติดต่อ Anna Clinic ผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้ โทร. 063-556-2626 หรือ LINE @annaclinic
อย่าลืมติดตามเราบน Social Media เพื่อติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ๆ
Facebook: Anna Clinic
Instagram: annaclinic
TikTok: annaclinic
YouTube: Anna Clinic Official